แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บ้านและสวน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บ้านและสวน แสดงบทความทั้งหมด

เคล็ดการจัดบ้าน

ในการตรวจดูทำเลของอาจารย์ ไม่ได้เน้นความสำคัญไปที่สิ่งคุกคามภายนอกเท่าไหร่ แต่จะไปเน้นสิ่งสำคัญที่โดดเด่นที่เราสามารถมองเห็นได้ทันที หรือที่เรียกว่า “สายตาปะทะสิ่งใดก่อน สิ่งนั้นย่อมมีอิทธิพลต่อผู้อาศัย”

เช่นโดยทั่วไป ศาสตร์ว่าด้วยทำเล จะถือสาเรื่องสิ่งแหลมคมที่อยู่ตรงข้ามบ้านของเรา แต่ถ้าสิ่งที่แหลมคมนั้น อันกะจิดริด เล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับตัวบ้านของเราที่มีอาณาบริเวณ ที่เรียกได้ว่า ข่มทำเลตรงข้ามไปหมดเรียบร้อยแล้ว มองดูแล้ว คล้ายเด็กรังแกผู้ใหญ่ คือมันไม่มีผลอะไรนั่นเอง

แต่ถ้าหากสิ่งอันไม่พึงประสงค์ ดูแล้วน่าเกลียด เช่น กองขยะมหึมาที่อยู่หน้าบ้าน แถมส่งกลิ่นเหม็น จะดูอย่างไร สายตาและความรู้สึกมันเข้าไปผูกพันวนเวียนอยู่ตลอดเวลา สิ่งเหล่านั้นย่อมมีผลกับตัวเราอย่างแน่นอน

อุปมาเหมือนเราจะรักชอบใคร เราก็ผูกพันวนเวียนกับคนนั้น ทุกข์สุขของเขาก็มีผลกับจิตใจเรา เขารักเขาชัง หรือมีความรู้สึกอย่างไรกับเรา ต่างก็มีผลกับชีวิตของเราทั้งสิ้น ตรงกันข้าม ถ้าคนไหนเราไม่รัก ไม่ชอบ ไม่สนใจซะอย่าง ทำอะไรก็ไม่มีผลกับเรา นี่เป็นเรื่องของจิตใจ ศาสตร์ว่าด้วยทำเล จะเกี่ยวพันกับเรื่องจิตใจด้วย

อีกประเภทหนึ่ง เป็นเรื่องของสายตาที่มองดูสิ่งรอบๆ ตัว อันนี้จะเข้าลักษณะสิ่งแวดล้อมทางวัตถุ เช่น เมื่อเราเข้าบ้านของเราเอง บ้านรกมาก ไม่เป็นระเบียบ ไม่สวยงาม ไม่ต้องตาต้องใจ ไม่ตรงกับรสนิยมของเรา เราก็จะรู้สึกหงุดหงิด

เคล็ดของฮวงจุ้ยในตอนนี้ จึงอยากจะเน้นความสำคัญของสิ่งแรกที่สายตาปะทะ ให้อ่านทำเลและตีความจากสิ่งแรกที่เราเห็นเสียก่อน

มีบ้านอยู่หลังหนึ่ง เป็นบ้านเดียวสองชั้นราคาไม่แพง บ้านหลังนี้กว้างขวางพอสมควร มีห้องใช้สอยครบถ้วน เช่น ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว ห้องนอน ห้องทำงาน คือที่อธิบายมายืดยาวนี้ เพราะต้องการจะบอกให้ทราบว่า ห้องใช้สอยมีพอที่จะไม่ต้องไปอยู่เป็นกระจุกที่เดียว

บ้านหลังนี้เป็นของคุณจุฑา ลูกศิษย์ ที่ไปเยี่ยมมาแล้ว มีลักษณะอย่างนี้ไม่ต่ำกว่า ๑๐ หลัง เมื่อเข้าบ้านของคุณจุฑา อาจารย์จะถามก่อนว่า ห้องนี้ใช้ทำอะไร แล้วอาจารย์ก็จะเดินทั่วบ้านแบบเดียวกับเจ้าหนี้ที่มองอย่างละเอียด สำรวจตรวจตราว่าจะเอาอะไรไปได้บ้าง

แล้วอาจารย์ก็ถามคุณจุฑาว่า รับแขกตรงไหน พักผ่อนตรงไหน ทานข้าวตรงไหน ซอกแซกกับชีวิตเขาไปหมด คุณจุฑาก็จะตอบว่า ตรงนี้ค่ะ ตรงนี้ค่ะ ตรงนี้ที่ว่านี้ คือที่เดียวกันหมด เป็นกระจุกเดียว เวลานอน ก็เฮโลกันไปนอนที่เดียวกันอีก ลูกมีการบ้าน ก็ทำในห้องนอน คุณพ่อจะดูทีวี ก็ดูในห้องนอน คุณแม่จะออกกำลังกาย ก็เหมือนยกฟิตเนตมาไว้ในห้องนอน

สมาชิกครอบครัวทั้งหมดต่างนอนดึก ตื่นสาย สุขภาพไม่แข็งแรง ลูกเรียนไม่เก่ง คุณพ่อหงุดหงิด การงานตกหมด คุณแม่เสียงดัง ขี้บ่น เคยมีเพื่อนมาทักว่าโดนเจ้าที่เล่นงาน ให้ตั้งศาลใหม่ คุณจุฑาก็เชื่อฟังเป็นอันดี ตั้งศาลใหม่ก็แล้ว มีคนมาทักอีกว่า ทางรถเข้าบ้านเทเกินไป คุณจุฑาก็ถมใหม่ เท่านี้ยังไม่พอ ยังมีคนมาทักอีกว่า หน้าต่างห้องนอนของเจ้าของบ้านไปตรงกับจั่วตรงข้ามบ้าน ครั้งนี้จะไปตัดจั่วของเขาออกคงไม่ได้ เรื่องจึงมาถึงอาจารย์

อาจารย์ไม่ได้ดูที่จั่ว แต่แนะนำให้จัดบ้านใหม่ทันที ถ้าหากบอกว่าห้องนี้เป็นห้องรับแขก เมื่อเข้ามาต้องจัดห้องให้รู้ได้ทันทีเมื่อแขกเข้ามา เขาจะต้องนั่งตรงนี้ ห้องนั้นจะต้องมีลักษณะโดดเด่น ที่ดูรู้ทันทีว่าเป็นห้องรับแขก

ตรงนั้นเรียกว่าห้องนั่งเล่น พักผ่อน ดูทีวี ก็ต้องจัดห้องตามความหมายนั้น คือพักผ่อนและดูทีวี คอมพิวเตอร์ที่ใช้เล่นเกมส์ก็ต้องอยู่ห้องนี้

ห้องรับประทานอาหาร โต๊ะอาหารก็ต้องเด่นที่สุด จัดห้องให้น่านั่งรับประทานอาหาร มีทั้งรูปภาพประกอบที่ไม่ดูหนักเกินไป

ห้องนอนก็ต้องมีเตียงนอนที่โดดเด่น ดูน่านอนหลับปุ๋ยทันทีที่เห็นเตียง

พอเข้าใจเคล็ดหรือหลักเกณฑ์นี้นะคะ

ถ้าหากว่าเรามีบ้านขนาดเล็ก เราก็ต้องแยกแยะให้ดีว่า ในบ้านเล็กกระทัดรัดของเรานี้ เรามีกิจกรรมอะไรที่โดดเด่นที่สุด เช่น มีแขกทุกวัน มากันได้ทุกวี่ทุกวัน เราก็ต้องจัดห้องรับแขกให้สามารถรับแขกได้ตลอดเวลา แต่ก็จัดให้สบายพอที่จะเป็นห้องนั่งเล่น พักผ่อนไปในตัว

โต๊ะรับประทานอาหาร สามารถจัดเป็นที่ทำการบ้านของเด็กๆ ได้ โดยจัดให้เป็นระเบียบ ไม่รก แต่รอบๆ โต๊ะอาหาร มีชั้นหนังสือวางอยู่ด้วย มีโต๊ะคอมอยู่ใกล้ๆ เป็นต้น

สรุปก็คือ ต้องกำหนดให้ได้ก่อนว่า ห้องไหนใช้สอยสำหรับอะไร เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ ต้องให้ความหมายตรงกับการใช้สอย ห้องนอน เตียงต้องเด่น ห้องทำงาน โต๊ะทำงานก็ต้องเด่น และต้องใช้สอยทุกพื้นที่ด้วยนะคะ อย่าลืม

ถ้าทำได้อย่างนี้ เรียกได้ว่า มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะนอกจากจะถูกต้องตามทำเลแล้ว ยังทำให้มีสภาพแวดล้อมทางวัตถุที่ดี เพราะเป็นการเพาะนิสัยของเด็กให้รู้จักการทำอะไรก่อนหลัง พูดง่ายๆ คือรู้จักจัดลำดับก่อนหลังในการจัดการเรื่องราวต่างๆในชีวิตของตนเองให้ดี

ลองจัดบ้านตามเคล็ดนี้นะคะ

สภาวะหยิน-หยาง




เมื่อพูดถึงสภาวะหยิน-หยาง ทุกคนจะรู้สึกคุ้นเคย เพราะเป็นบทเรียนขั้นปฐมของเรา ใครยังไม่รู้จักหยิน-หยาง เรียกได้ว่าเป็นนักดูฮวงจุ้ยของไม่แท้
 
หยิน-หยาง ที่เราจะพูดถึงคราวนี้ เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับชีวิตประจำวัน คือเป็นเรื่องของสามีภรรยา ซึ่งก็คือคู่หยิน-หยางที่เราเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม อาจารย์จึงจำต้องนำประสบการณ์ที่น่าสนใจมาเล่าให้สูงกันฟัง

เราต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า หยินคือ สภาวะนิ่ง สงบ และหยาง เป็นสภาวะที่เคลื่อนไหว และหมายถึง ความเจริญงอกงาม
โดยทั่วไปตามธรรมชาติ เขาถือว่า หยิน คือ ผู้หญิง และ หยาง คือ ผู้ชาย หยินกับหยาง จะต้องอยู่ร่วมกันในสภาวะที่สมดุลย์ตามธรรมชาติ

ความสมดุลย์ตามธรรมชาติ คือ หยินต้องด้อยกว่าหยาง เพราะหยางเปรียบเสมือนมังกร และหยินเปรียบเสมือนเสือ หรือจะเปรียบเทียบเป็นหงส์ก็ได้ แล้วแต่จะใช้ตำราไหน แต่รวมความแล้วความหมายเหมือนกัน คือ หยินต้องด้อยกว่าหยาง

สามีภรรยาคู่หนึ่ง ทำธุรกิจร่วมกันเป็นธุรกิจเกี่ยวกับจิวเวอรี่ ทั้งสองช่วยกัน ชีวิตครอบครัวไม่มีปัญหา มีหลักฐานบ้านช่อง บุตรยังอยู่ในวัยเรียน ธุรกิจไม่มีปัญหา มีลูกค้ามากพอสมควร เพราะเป็นกิจการค้าที่ผู้ขายคือฝ่ายภรรยา มีอัธยาศัยดี จิตใจดี ใครก็อยากคุยด้วย สินค้าก็มีราคาที่ไม่เกินความจริง ราคายุติธรรม เป็นที่พอใจแก่ผู้ซื้อ

แล้วปัญหาอยู่ที่ไหนล่ะ

ทำเลที่บ้านนั้น อาจารย์มีโอกาสไปดูและจัดให้ตั้งแต่แรก

บ้านของสองสามีภรรยาอยู่ในหมู่บ้านที่มีชื่อคลาสสิคตามหลัง ซึ่งก็สอดคล้องกับอาชีพที่ทำ ตัวบ้านหลังอิงทิศใต้ หันหน้าไปทางทิศเหนือ ทางเข้าบ้านก็คดเคี้ยวไปมา ไปสุดทางที่หน้าบ้านพอดี อาจารย์จึงจัดให้มีต้นจันทร์กระจ่างฟ้าเลื้อยขึ้นลงอยู่ตรงรั้วดังภาพ

ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน, ฮวงจุ้ยบ้าน, ฮวงจุ้ยคอนโด, ตกแต่งร้านค้า, อาจารย์แอน


 ฝ่ายสามีเกิดปี ๒๕๐๔ มีทิศตะวันออกเป็นทิศประจำตัว ดังนั้นทิศใต้จึงเป็นทิศมังกร
 
ส่วนภรรยาเกิดปี ๒๕๐๖ มีทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่ประจำตัว

โดยปกติ ถ้าสามีภริยาทิศต่างกัน อาจารย์จะให้ใช้ทิศของสามีเป็นหลัก และบังเอิญบ้านหลังนี้ หลังอิงทิศใต้ หน้าหันทิศเหนือ จึงเป็นบ้านที่มีทิศทางตรงกับสามี

ดังนั้น อาจารย์จึงจัดให้ทิศตะวันออกซึ่งเป็นทิศมังกรของบ้าน และเป็นทิศประจำตัวของฝ่ายชายเด่น โดยการจัดวางตู้ปลา ดอกไม้ ตู้โชว์ รูปภาพ ฯลฯ  ให้สอดคล้องกับดวงชะตาของฝ่ายชาย
ด้านทิศเหนือตรงทางเข้า มีสวนดอกไม้พร้อมด้วยน้ำพุเล็กๆน่ารัก

ส่วนเตียงนอนให้ตั้งตำแหน่งของภรรยา คืด ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ อันเป็นทิศเทพรักษา ผู้มีวาสนาเกื้อกูล จะได้เป็นที่รักของลูกค้า มีคนเกื้อกูลไปตลอด 

ดูฮวงจุ้ย, เสริมฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยสุสาน, ฮวงจุ้ยพยากรณ์, ฮวงจุ้ยที่ดิน, อาจารย์แอน

และตรงประตูหน้าบ้าน ให้ติดรูปปูไว้ตรงเสาประตูทั้งสองด้านเป็นจุดเด่น ทำให้บ้านหลังนี้เป็นราศีกรกฎ อันเป็นราศีที่ให้โชคให้ลาภของทั้งสองคน

ดูเผินๆ น่าจะดี และประสพความสำเร็จเหมือนที่ไปจัดให้คนอื่นๆ แต่การณ์กลับไม่เป็นอย่างนั้น หลังจากนั้นหนึ่งปี ได้พบปะพูดคุยกันเป็นประจำ ก็สรุปได้ว่า เขามีลูกค้ามากมาย แต่ก็วิ่งไม่ทันรายจ่ายอยู่นั่นเอง อย่างนี้แสดงว่า ลูกค้าก็ยังไม่มากมายพอ แต่โดยปกติก็พอจะอยู่ได้ในแต่ละเดือน ไม่เคยเสียเครดิต

จนกระทั่งวันหนึ่ง ฝ่ายภรรยาก็โทรมาขอคำปรึกษาอาจารย์ที่บ้าน อาจารย์รู้สึกวิตกกังวล จึงตอบไปว่า “อย่ามาเลย นั่งคุยกันไม่เห็นอะไร แนะนำไปก็ไม่ถูกทาง ขอไปดูที่บ้านดีกว่า ตายังดูในขณะที่หูฟังและได้สัมผัสบรรยากาศอีกด้วย” คงจะรู้สาเหตุได้ดีกว่ามานั่งคุยที่บ้านแล้วให้อาจารย์เดาลมๆแล้งๆ

เมื่อมาถึงบ้านที่สะอาดเอี่ยม ที่เจ้าตัวบอกว่า ได้ทำเหมือนกับลูกศิษย์อีกหลายๆ คนทำ คือทำความสะอาดบ้านกันทั้งคืน ดังนั้น หน้าตาจึงเหมือนคนอดนอนกันทุกคน มีความเปลี่ยนแปลงที่เห็นเด่นชัดเมื่อเข้ามาในตัวบ้าน

คือทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้านเด่นมาก เนื่องจากฝ่ายภรรยาได้จัดห้องทำงานของตน นั่งหลังอิงตะวันตก  การจัดนั้นสวยงามและถูกทำเล ทั้งสวยงามหาที่ติไม่ได้ เนื่องจากเป็นลูกศิษย์มานานทั้งสองสามีภรรยา ความที่ทำเลนั้นสมบูรณ์อย่างยิ่ง จึงมีผลดึงให้สามีและลูก ต่างก็พากันมาใช้ห้องนี้ เจ้าตัวก็ตั้งโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่สุด กลายเป็นห้องที่มีกระแสดึงดูดมากที่สุด และมีการเคลื่อนไหวมากที่สุด และทิศนี้ก็เป็นทิศเทพรักษาของฝ่ายภรรยา ดังนั้นจึงไม่เคยขาดแคลนลูกค้า

แต่ตอนนี้ ร้านกลับต้องปิดเพราะสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว เพราะอะไรล่ะคะ

คงยังจำภาพได้ว่า บ้านหลังนี้หลังอิงทิศใต้ ดังนั้น ทิศที่กำลังโดดเด่นมีพลังสูงสุดในบ้านขณะนี้ คือทิศล้มละลายของบ้าน และยังเป็นทิศที่ฆ่ามังกรของสามีอีกด้วย ซ้ำร้าย เตียงนอนที่อาจารย์วางไว้ให้ ยังเป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนืออีก 

ด้านทิศตะวันออกที่เคยจัดให้วางตู้ปลาไว้ ลดอำนาจลงทันที เพราะคนในบ้านทั้งหมดใช้เป็นตำแหน่งรอง

อย่างนี้ คือความหมายของ หยินฆ่าหยาง อย่างชัดเจน ถามว่าภรรยามีเจตนาอย่างนี้หรือ ขอยืนยันว่าเปล่าเลย แต่เป็นการวางทิศของตนเองหรือใช้ทิศของตนเองขาดความพอเหมาะ ทำให้สภาวะของหยินหยางไม่สมดุลย์กัน 

เพราะโดยธรรมชาติ หยินจะใหญ่กว่าหยางไม่ได้ ต้องเหลื่อมต่ำกว่ากันนิดเดียวก็ยังดี เพราะหยินคือความสงบ เมื่อไหร่ หยินมีอำนาจมากกว่าหยาง ความเคลื่อนไหว ความเจริญ ก็ไม่เกิด สภาวะต่างๆ จะดันตัวให้สงบนิ่งทันที

บางครอบครัวไม่เข้าใจการจัดบ้าน แม้จะเรียนมาก็ตาม ต้องวางสภาวะที่กลมกลืนกับธรรมชาติให้ดี ความสมดุลย์ไม่ได้หมายถึงความเท่าเทียมกัน แต่หมายถึงความเหมาะสม พอตาและพอดี และต้องไม่ขัดต่อหลักของธรรมชาติด้วย

หลายครอบครัวลืมหลักความจริงข้อนี้ จัดบ้านแล้วลืมตาชั่งแห่งธรรมชาติ มักเกิดปัญหาในครอบครัว คนโบราณจึงสั่งสอนกันมา “ไม่ให้ข่มสามี จะไม่เจริญ” ก็มาจากกฎเกณฑ์ธรรมชาตินี้เอง

ภรรยาบางคนใหญ่ในที่ทำงาน ก็ลืมไป มาใหญ่ที่บ้านด้วย จะเอาอะไรก็เอาให้ได้ดังใจ สามีเลยต้องไปหาที่เป็นใหญ่นอกบ้าน ตามธรรมชาติของหยาง ที่เมื่อถูกกดมากๆ ก็จะลอยตัวหายไปหนีหายไป

ภรรยาบางคนมาเรียนกับอาจารย์ แล้วก็จะทำเลให้ตัวเองเต็มบ้านไปหมด ลืมนึกถึงสามี ปัญหาก็เลยเกิด

อ่านประสบการณ์ตอนนี้แล้ว ลองไปชั่งน้ำหนักของความเป็น หยิน-หยาง ดูนะคะ

กรณีศึกษา : การแต่งบ้าน

การแต่งบ้านอย่างง่ายๆ ควรรู้หลักพื้นฐานเบื้องต้นไว้บ้างจากตำราที่วางขายทั่วไป และควรดูเหตุผลประกอบไปด้วย หรือใช้พื้นฐานของตรรกวิทยา ความเป็นเหตุเป็นผลกัน

บ้านของคุณรัดเกล้า เป็นทาวน์เฮาส์ใหญ่ 4 ชั้น อยู่กัน 3 คนพ่อแม่ลูก คุณพ่อทำงานด้านส่งออก คุณรัดเกล้าเปิดสำนักงานบัญชี ที่ทำงานไม่ไกลกัน  ทั้งสองคนเป็นคนทำงานเก่งด้วยกันทั้งคู่ ความเคร่งเครียดจากที่ทำงานเลยติดมาที่บ้านด้วย

ลักษณะการจัดบ้านของคุณรัดเกล้าเหมือนที่ทำงาน เฟอร์นิเจอร์ดูหนัก ดอกไม้ไม่มี ตุ๊กตาไม่วาง ห้องอาหารเหมือนห้องประชุมที่ทำงาน ตู้โชว์มีรูปการปฎิวัติฝรั่งเศสและรูปปั้นที่แยกเขี้ยวเข้าใส่กัน มีเขาสีดำเล็กๆวางอยู่ แจกันดอกไม้ที่วางอยู่เป็นดอกไม้จริงที่ทำให้แห้ง คือดอกไม้ตาย

ข้าพเจ้าเข้าไปสัมผัสในบ้าน ใจห่อเหี่ยว รู้สึกหงุดหงิด เรียกว่าจะคุยกันก็ด้วยความเครียด เพราะบรรยากาศสภาพแวดล้อมเป็นอย่างนั้น แถมชุดรับแขกเป็นสีส้มออกชมพู สีของดาวอังคาร เทพเจ้าแห่งสงคราม ซึ่งข้าพเจ้าพอจะทราบได้ทันทีโดยไม่ต้องมีใครบอกว่า คุณรัดเกล้าติดต่อข้าพเจ้ามาด้วยเรื่องความขัดแย้งภายในบ้าน ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ พลอยทำให้หน้าที่การงานตก หมดจิตหมดใจที่จะสร้างสรรค์หรือทำงานต่อไป

ข้าพเจ้าขอให้คุณรัดเกล้าจัดบ้านใหม่ โดยเริ่มที่ห้องอาหาร ให้เพิ่มทีวี เครื่องเสียง ที่ใส่กระดาษทิชชูลายเป็นลูกไม้ก็ได้ ฝาผนังติดรูปดอกไม้ ผลไม้ อาหาร มีแจกันดอกไม้พลาสติกหรือดอกไม้ผ้าสีสด หรือจะเพิ่มผ้าปูโต๊ะก็ได้

สำหรับตู้โชว์ ให้เป็นของกระจุ๋มกระจิ๋ม คริสตัล ตุ๊กตา เครื่องเคลือบ หรือตุ๊กตาที่ดูเป็นครอบครัว ลูกเสือ ลูกหมาน่ารักๆ โซฟาควรใช้สีครีมมากกว่าสีชมพู คุณรัดเกล้ามีบุตรชายคนเดียว ของเล่นมีแต่ปืน(พลาสติก) มอเตอร์ไซค์ เครื่องเสียง จึงให้คุณรัดเกล้าซื้อตุ๊กตาผู้หญิงแต่งตัวอ่อนช้อยน่ารักๆ ตัวโตๆ มาวางในบ้าน

เมื่อจัดเสร็จแล้ว บ้านคุณรัดเกล้าดูอ่อนโยนลงจนเจ้าตัวรู้สึก แถมหน้าบ้านมีน้ำพุเล็กๆ คู่กับสวนดอกไม้สีขาว ดอกแก้ว โมก และบานบุรี

หลังจาก 2 สัปดาห์ผ่านไป คุณรัดเกล้าโทรมาคุยให้ฟังด้วยความขอบคุณว่า ครอบครัวเธอมีความสุข สงบ ไม่ค่อยทะเลาะกันอีกต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ด้วยวิธีการจัดบ้านอย่างง่ายๆ

โดยทั่วๆไปแล้ว การจัดบ้านควรให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อย่าซื้อของมามากจนเกินความจำเป็นจนไม่มีที่จะเก็บ ในที่สุดก็ดูรกไปหมด จนไม่มีที่จะยืน เดิน หรือนอน แม้แต่ใต้เตียงก็ยังมีที่กักตุน เพราะเป็นคนช่างซื้อช่างเก็บ อะไรก็ดูน่าซื้อ น่าหา น่าเก็บ ไปหมด แต่กลับเป็นผลร้ายในเรื่องของทำเล การซื้อของใช้ นอกจากดูกำลังเงินแล้ว ต้องดูขนาดของบ้านและที่เก็บของด้วย

เขาสัตว์ไม่ควรมีไว้ในบ้าน เพราะจะทำให้เด็กดื้อ มีอารมณ์ก้าวร้าว ของใช้ในบ้านโดยทั่วไป ผู้อยู่อาศัยจะเลือกตามที่ตนชอบ เห็นแล้วสบายตาสบายใจ ของใครของมัน ไม่ใช่สบายตาเราแต่ไม่อยู่ในรสนิยมของเจ้าของบ้าน อย่างนี้ก็ไม่ถูก