เมื่อพูดถึงสภาวะหยิน-หยาง ทุกคนจะรู้สึกคุ้นเคย เพราะเป็นบทเรียนขั้นปฐมของเรา ใครยังไม่รู้จักหยิน-หยาง เรียกได้ว่าเป็นนักดูฮวงจุ้ยของไม่แท้
หยิน-หยาง ที่เราจะพูดถึงคราวนี้ เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับชีวิตประจำวัน
คือเป็นเรื่องของสามีภรรยา ซึ่งก็คือคู่หยิน-หยางที่เราเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม
อาจารย์จึงจำต้องนำประสบการณ์ที่น่าสนใจมาเล่าให้สูงกันฟัง
เราต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า หยินคือ สภาวะนิ่ง
สงบ และหยาง เป็นสภาวะที่เคลื่อนไหว และหมายถึง ความเจริญงอกงาม
โดยทั่วไปตามธรรมชาติ เขาถือว่า หยิน คือ ผู้หญิง
และ หยาง คือ ผู้ชาย หยินกับหยาง จะต้องอยู่ร่วมกันในสภาวะที่สมดุลย์ตามธรรมชาติ
ความสมดุลย์ตามธรรมชาติ คือ หยินต้องด้อยกว่าหยาง
เพราะหยางเปรียบเสมือนมังกร และหยินเปรียบเสมือนเสือ หรือจะเปรียบเทียบเป็นหงส์ก็ได้
แล้วแต่จะใช้ตำราไหน แต่รวมความแล้วความหมายเหมือนกัน คือ หยินต้องด้อยกว่าหยาง
สามีภรรยาคู่หนึ่ง ทำธุรกิจร่วมกันเป็นธุรกิจเกี่ยวกับจิวเวอรี่
ทั้งสองช่วยกัน ชีวิตครอบครัวไม่มีปัญหา มีหลักฐานบ้านช่อง บุตรยังอยู่ในวัยเรียน ธุรกิจไม่มีปัญหา
มีลูกค้ามากพอสมควร เพราะเป็นกิจการค้าที่ผู้ขายคือฝ่ายภรรยา มีอัธยาศัยดี จิตใจดี
ใครก็อยากคุยด้วย สินค้าก็มีราคาที่ไม่เกินความจริง ราคายุติธรรม เป็นที่พอใจแก่ผู้ซื้อ
แล้วปัญหาอยู่ที่ไหนล่ะ
ทำเลที่บ้านนั้น อาจารย์มีโอกาสไปดูและจัดให้ตั้งแต่แรก
บ้านของสองสามีภรรยาอยู่ในหมู่บ้านที่มีชื่อคลาสสิคตามหลัง
ซึ่งก็สอดคล้องกับอาชีพที่ทำ ตัวบ้านหลังอิงทิศใต้ หันหน้าไปทางทิศเหนือ ทางเข้าบ้านก็คดเคี้ยวไปมา
ไปสุดทางที่หน้าบ้านพอดี อาจารย์จึงจัดให้มีต้นจันทร์กระจ่างฟ้าเลื้อยขึ้นลงอยู่ตรงรั้วดังภาพ
ฝ่ายสามีเกิดปี ๒๕๐๔
มีทิศตะวันออกเป็นทิศประจำตัว ดังนั้นทิศใต้จึงเป็นทิศมังกร
ส่วนภรรยาเกิดปี ๒๕๐๖
มีทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่ประจำตัว
โดยปกติ ถ้าสามีภริยาทิศต่างกัน อาจารย์จะให้ใช้ทิศของสามีเป็นหลัก
และบังเอิญบ้านหลังนี้ หลังอิงทิศใต้ หน้าหันทิศเหนือ จึงเป็นบ้านที่มีทิศทางตรงกับสามี
ดังนั้น อาจารย์จึงจัดให้ทิศตะวันออกซึ่งเป็นทิศมังกรของบ้าน
และเป็นทิศประจำตัวของฝ่ายชายเด่น โดยการจัดวางตู้ปลา ดอกไม้ ตู้โชว์ รูปภาพ
ฯลฯ ให้สอดคล้องกับดวงชะตาของฝ่ายชาย
ด้านทิศเหนือตรงทางเข้า มีสวนดอกไม้พร้อมด้วยน้ำพุเล็กๆน่ารัก
ส่วนเตียงนอนให้ตั้งตำแหน่งของภรรยา คืด ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
อันเป็นทิศเทพรักษา ผู้มีวาสนาเกื้อกูล จะได้เป็นที่รักของลูกค้า มีคนเกื้อกูลไปตลอด
และตรงประตูหน้าบ้าน ให้ติดรูปปูไว้ตรงเสาประตูทั้งสองด้านเป็นจุดเด่น
ทำให้บ้านหลังนี้เป็นราศีกรกฎ อันเป็นราศีที่ให้โชคให้ลาภของทั้งสองคน
ดูเผินๆ น่าจะดี และประสพความสำเร็จเหมือนที่ไปจัดให้คนอื่นๆ
แต่การณ์กลับไม่เป็นอย่างนั้น หลังจากนั้นหนึ่งปี ได้พบปะพูดคุยกันเป็นประจำ ก็สรุปได้ว่า
เขามีลูกค้ามากมาย แต่ก็วิ่งไม่ทันรายจ่ายอยู่นั่นเอง อย่างนี้แสดงว่า ลูกค้าก็ยังไม่มากมายพอ
แต่โดยปกติก็พอจะอยู่ได้ในแต่ละเดือน ไม่เคยเสียเครดิต
จนกระทั่งวันหนึ่ง ฝ่ายภรรยาก็โทรมาขอคำปรึกษาอาจารย์ที่บ้าน
อาจารย์รู้สึกวิตกกังวล จึงตอบไปว่า “อย่ามาเลย นั่งคุยกันไม่เห็นอะไร แนะนำไปก็ไม่ถูกทาง
ขอไปดูที่บ้านดีกว่า ตายังดูในขณะที่หูฟังและได้สัมผัสบรรยากาศอีกด้วย”
คงจะรู้สาเหตุได้ดีกว่ามานั่งคุยที่บ้านแล้วให้อาจารย์เดาลมๆแล้งๆ
เมื่อมาถึงบ้านที่สะอาดเอี่ยม ที่เจ้าตัวบอกว่า
ได้ทำเหมือนกับลูกศิษย์อีกหลายๆ คนทำ คือทำความสะอาดบ้านกันทั้งคืน ดังนั้น หน้าตาจึงเหมือนคนอดนอนกันทุกคน
มีความเปลี่ยนแปลงที่เห็นเด่นชัดเมื่อเข้ามาในตัวบ้าน
คือทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้านเด่นมาก
เนื่องจากฝ่ายภรรยาได้จัดห้องทำงานของตน นั่งหลังอิงตะวันตก การจัดนั้นสวยงามและถูกทำเล ทั้งสวยงามหาที่ติไม่ได้
เนื่องจากเป็นลูกศิษย์มานานทั้งสองสามีภรรยา ความที่ทำเลนั้นสมบูรณ์อย่างยิ่ง จึงมีผลดึงให้สามีและลูก
ต่างก็พากันมาใช้ห้องนี้ เจ้าตัวก็ตั้งโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่สุด กลายเป็นห้องที่มีกระแสดึงดูดมากที่สุด
และมีการเคลื่อนไหวมากที่สุด และทิศนี้ก็เป็นทิศเทพรักษาของฝ่ายภรรยา ดังนั้นจึงไม่เคยขาดแคลนลูกค้า
แต่ตอนนี้ ร้านกลับต้องปิดเพราะสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว
เพราะอะไรล่ะคะ
คงยังจำภาพได้ว่า บ้านหลังนี้หลังอิงทิศใต้ ดังนั้น
ทิศที่กำลังโดดเด่นมีพลังสูงสุดในบ้านขณะนี้ คือทิศล้มละลายของบ้าน และยังเป็นทิศที่ฆ่ามังกรของสามีอีกด้วย
ซ้ำร้าย เตียงนอนที่อาจารย์วางไว้ให้ ยังเป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนืออีก
ด้านทิศตะวันออกที่เคยจัดให้วางตู้ปลาไว้ ลดอำนาจลงทันที
เพราะคนในบ้านทั้งหมดใช้เป็นตำแหน่งรอง
อย่างนี้ คือความหมายของ หยินฆ่าหยาง อย่างชัดเจน
ถามว่าภรรยามีเจตนาอย่างนี้หรือ ขอยืนยันว่าเปล่าเลย แต่เป็นการวางทิศของตนเองหรือใช้ทิศของตนเองขาดความพอเหมาะ
ทำให้สภาวะของหยินหยางไม่สมดุลย์กัน
เพราะโดยธรรมชาติ หยินจะใหญ่กว่าหยางไม่ได้ ต้องเหลื่อมต่ำกว่ากันนิดเดียวก็ยังดี
เพราะหยินคือความสงบ เมื่อไหร่ หยินมีอำนาจมากกว่าหยาง ความเคลื่อนไหว ความเจริญ ก็ไม่เกิด
สภาวะต่างๆ จะดันตัวให้สงบนิ่งทันที
บางครอบครัวไม่เข้าใจการจัดบ้าน แม้จะเรียนมาก็ตาม
ต้องวางสภาวะที่กลมกลืนกับธรรมชาติให้ดี ความสมดุลย์ไม่ได้หมายถึงความเท่าเทียมกัน
แต่หมายถึงความเหมาะสม พอตาและพอดี และต้องไม่ขัดต่อหลักของธรรมชาติด้วย
หลายครอบครัวลืมหลักความจริงข้อนี้ จัดบ้านแล้วลืมตาชั่งแห่งธรรมชาติ
มักเกิดปัญหาในครอบครัว คนโบราณจึงสั่งสอนกันมา “ไม่ให้ข่มสามี จะไม่เจริญ” ก็มาจากกฎเกณฑ์ธรรมชาตินี้เอง
ภรรยาบางคนใหญ่ในที่ทำงาน ก็ลืมไป มาใหญ่ที่บ้านด้วย
จะเอาอะไรก็เอาให้ได้ดังใจ สามีเลยต้องไปหาที่เป็นใหญ่นอกบ้าน ตามธรรมชาติของหยาง ที่เมื่อถูกกดมากๆ
ก็จะลอยตัวหายไปหนีหายไป
ภรรยาบางคนมาเรียนกับอาจารย์ แล้วก็จะทำเลให้ตัวเองเต็มบ้านไปหมด
ลืมนึกถึงสามี ปัญหาก็เลยเกิด
อ่านประสบการณ์ตอนนี้แล้ว ลองไปชั่งน้ำหนักของความเป็น
หยิน-หยาง ดูนะคะ