ในการตรวจดูทำเลของอาจารย์ ไม่ได้เน้นความสำคัญไปที่สิ่งคุกคามภายนอกเท่าไหร่ แต่จะไปเน้นสิ่งสำคัญที่โดดเด่นที่เราสามารถมองเห็นได้ทันที หรือที่เรียกว่า “สายตาปะทะสิ่งใดก่อน สิ่งนั้นย่อมมีอิทธิพลต่อผู้อาศัย”
เช่นโดยทั่วไป ศาสตร์ว่าด้วยทำเล จะถือสาเรื่องสิ่งแหลมคมที่อยู่ตรงข้ามบ้านของเรา แต่ถ้าสิ่งที่แหลมคมนั้น อันกะจิดริด เล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับตัวบ้านของเราที่มีอาณาบริเวณ ที่เรียกได้ว่า ข่มทำเลตรงข้ามไปหมดเรียบร้อยแล้ว มองดูแล้ว คล้ายเด็กรังแกผู้ใหญ่ คือมันไม่มีผลอะไรนั่นเอง
แต่ถ้าหากสิ่งอันไม่พึงประสงค์ ดูแล้วน่าเกลียด เช่น กองขยะมหึมาที่อยู่หน้าบ้าน แถมส่งกลิ่นเหม็น จะดูอย่างไร สายตาและความรู้สึกมันเข้าไปผูกพันวนเวียนอยู่ตลอดเวลา สิ่งเหล่านั้นย่อมมีผลกับตัวเราอย่างแน่นอน
อุปมาเหมือนเราจะรักชอบใคร เราก็ผูกพันวนเวียนกับคนนั้น ทุกข์สุขของเขาก็มีผลกับจิตใจเรา เขารักเขาชัง หรือมีความรู้สึกอย่างไรกับเรา ต่างก็มีผลกับชีวิตของเราทั้งสิ้น ตรงกันข้าม ถ้าคนไหนเราไม่รัก ไม่ชอบ ไม่สนใจซะอย่าง ทำอะไรก็ไม่มีผลกับเรา นี่เป็นเรื่องของจิตใจ ศาสตร์ว่าด้วยทำเล จะเกี่ยวพันกับเรื่องจิตใจด้วย
อีกประเภทหนึ่ง เป็นเรื่องของสายตาที่มองดูสิ่งรอบๆ ตัว อันนี้จะเข้าลักษณะสิ่งแวดล้อมทางวัตถุ เช่น เมื่อเราเข้าบ้านของเราเอง บ้านรกมาก ไม่เป็นระเบียบ ไม่สวยงาม ไม่ต้องตาต้องใจ ไม่ตรงกับรสนิยมของเรา เราก็จะรู้สึกหงุดหงิด
เคล็ดของฮวงจุ้ยในตอนนี้ จึงอยากจะเน้นความสำคัญของสิ่งแรกที่สายตาปะทะ ให้อ่านทำเลและตีความจากสิ่งแรกที่เราเห็นเสียก่อน
มีบ้านอยู่หลังหนึ่ง เป็นบ้านเดียวสองชั้นราคาไม่แพง บ้านหลังนี้กว้างขวางพอสมควร มีห้องใช้สอยครบถ้วน เช่น ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว ห้องนอน ห้องทำงาน คือที่อธิบายมายืดยาวนี้ เพราะต้องการจะบอกให้ทราบว่า ห้องใช้สอยมีพอที่จะไม่ต้องไปอยู่เป็นกระจุกที่เดียว
บ้านหลังนี้เป็นของคุณจุฑา ลูกศิษย์ ที่ไปเยี่ยมมาแล้ว มีลักษณะอย่างนี้ไม่ต่ำกว่า ๑๐ หลัง เมื่อเข้าบ้านของคุณจุฑา อาจารย์จะถามก่อนว่า ห้องนี้ใช้ทำอะไร แล้วอาจารย์ก็จะเดินทั่วบ้านแบบเดียวกับเจ้าหนี้ที่มองอย่างละเอียด สำรวจตรวจตราว่าจะเอาอะไรไปได้บ้าง
แล้วอาจารย์ก็ถามคุณจุฑาว่า รับแขกตรงไหน พักผ่อนตรงไหน ทานข้าวตรงไหน ซอกแซกกับชีวิตเขาไปหมด คุณจุฑาก็จะตอบว่า ตรงนี้ค่ะ ตรงนี้ค่ะ ตรงนี้ที่ว่านี้ คือที่เดียวกันหมด เป็นกระจุกเดียว เวลานอน ก็เฮโลกันไปนอนที่เดียวกันอีก ลูกมีการบ้าน ก็ทำในห้องนอน คุณพ่อจะดูทีวี ก็ดูในห้องนอน คุณแม่จะออกกำลังกาย ก็เหมือนยกฟิตเนตมาไว้ในห้องนอน
สมาชิกครอบครัวทั้งหมดต่างนอนดึก ตื่นสาย สุขภาพไม่แข็งแรง ลูกเรียนไม่เก่ง คุณพ่อหงุดหงิด การงานตกหมด คุณแม่เสียงดัง ขี้บ่น เคยมีเพื่อนมาทักว่าโดนเจ้าที่เล่นงาน ให้ตั้งศาลใหม่ คุณจุฑาก็เชื่อฟังเป็นอันดี ตั้งศาลใหม่ก็แล้ว มีคนมาทักอีกว่า ทางรถเข้าบ้านเทเกินไป คุณจุฑาก็ถมใหม่ เท่านี้ยังไม่พอ ยังมีคนมาทักอีกว่า หน้าต่างห้องนอนของเจ้าของบ้านไปตรงกับจั่วตรงข้ามบ้าน ครั้งนี้จะไปตัดจั่วของเขาออกคงไม่ได้ เรื่องจึงมาถึงอาจารย์
อาจารย์ไม่ได้ดูที่จั่ว แต่แนะนำให้จัดบ้านใหม่ทันที ถ้าหากบอกว่าห้องนี้เป็นห้องรับแขก เมื่อเข้ามาต้องจัดห้องให้รู้ได้ทันทีเมื่อแขกเข้ามา เขาจะต้องนั่งตรงนี้ ห้องนั้นจะต้องมีลักษณะโดดเด่น ที่ดูรู้ทันทีว่าเป็นห้องรับแขก
ตรงนั้นเรียกว่าห้องนั่งเล่น พักผ่อน ดูทีวี ก็ต้องจัดห้องตามความหมายนั้น คือพักผ่อนและดูทีวี คอมพิวเตอร์ที่ใช้เล่นเกมส์ก็ต้องอยู่ห้องนี้
ห้องรับประทานอาหาร โต๊ะอาหารก็ต้องเด่นที่สุด จัดห้องให้น่านั่งรับประทานอาหาร มีทั้งรูปภาพประกอบที่ไม่ดูหนักเกินไป
ห้องนอนก็ต้องมีเตียงนอนที่โดดเด่น ดูน่านอนหลับปุ๋ยทันทีที่เห็นเตียง
พอเข้าใจเคล็ดหรือหลักเกณฑ์นี้นะคะ
ถ้าหากว่าเรามีบ้านขนาดเล็ก เราก็ต้องแยกแยะให้ดีว่า ในบ้านเล็กกระทัดรัดของเรานี้ เรามีกิจกรรมอะไรที่โดดเด่นที่สุด เช่น มีแขกทุกวัน มากันได้ทุกวี่ทุกวัน เราก็ต้องจัดห้องรับแขกให้สามารถรับแขกได้ตลอดเวลา แต่ก็จัดให้สบายพอที่จะเป็นห้องนั่งเล่น พักผ่อนไปในตัว
โต๊ะรับประทานอาหาร สามารถจัดเป็นที่ทำการบ้านของเด็กๆ ได้ โดยจัดให้เป็นระเบียบ ไม่รก แต่รอบๆ โต๊ะอาหาร มีชั้นหนังสือวางอยู่ด้วย มีโต๊ะคอมอยู่ใกล้ๆ เป็นต้น
สรุปก็คือ ต้องกำหนดให้ได้ก่อนว่า ห้องไหนใช้สอยสำหรับอะไร เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ ต้องให้ความหมายตรงกับการใช้สอย ห้องนอน เตียงต้องเด่น ห้องทำงาน โต๊ะทำงานก็ต้องเด่น และต้องใช้สอยทุกพื้นที่ด้วยนะคะ อย่าลืม
ถ้าทำได้อย่างนี้ เรียกได้ว่า มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะนอกจากจะถูกต้องตามทำเลแล้ว ยังทำให้มีสภาพแวดล้อมทางวัตถุที่ดี เพราะเป็นการเพาะนิสัยของเด็กให้รู้จักการทำอะไรก่อนหลัง พูดง่ายๆ คือรู้จักจัดลำดับก่อนหลังในการจัดการเรื่องราวต่างๆในชีวิตของตนเองให้ดี
ลองจัดบ้านตามเคล็ดนี้นะคะ
สภาวะหยิน-หยาง
เมื่อพูดถึงสภาวะหยิน-หยาง ทุกคนจะรู้สึกคุ้นเคย เพราะเป็นบทเรียนขั้นปฐมของเรา ใครยังไม่รู้จักหยิน-หยาง เรียกได้ว่าเป็นนักดูฮวงจุ้ยของไม่แท้
หยิน-หยาง ที่เราจะพูดถึงคราวนี้ เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับชีวิตประจำวัน
คือเป็นเรื่องของสามีภรรยา ซึ่งก็คือคู่หยิน-หยางที่เราเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม
อาจารย์จึงจำต้องนำประสบการณ์ที่น่าสนใจมาเล่าให้สูงกันฟัง
เราต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า หยินคือ สภาวะนิ่ง
สงบ และหยาง เป็นสภาวะที่เคลื่อนไหว และหมายถึง ความเจริญงอกงาม
โดยทั่วไปตามธรรมชาติ เขาถือว่า หยิน คือ ผู้หญิง
และ หยาง คือ ผู้ชาย หยินกับหยาง จะต้องอยู่ร่วมกันในสภาวะที่สมดุลย์ตามธรรมชาติ
ความสมดุลย์ตามธรรมชาติ คือ หยินต้องด้อยกว่าหยาง
เพราะหยางเปรียบเสมือนมังกร และหยินเปรียบเสมือนเสือ หรือจะเปรียบเทียบเป็นหงส์ก็ได้
แล้วแต่จะใช้ตำราไหน แต่รวมความแล้วความหมายเหมือนกัน คือ หยินต้องด้อยกว่าหยาง
สามีภรรยาคู่หนึ่ง ทำธุรกิจร่วมกันเป็นธุรกิจเกี่ยวกับจิวเวอรี่
ทั้งสองช่วยกัน ชีวิตครอบครัวไม่มีปัญหา มีหลักฐานบ้านช่อง บุตรยังอยู่ในวัยเรียน ธุรกิจไม่มีปัญหา
มีลูกค้ามากพอสมควร เพราะเป็นกิจการค้าที่ผู้ขายคือฝ่ายภรรยา มีอัธยาศัยดี จิตใจดี
ใครก็อยากคุยด้วย สินค้าก็มีราคาที่ไม่เกินความจริง ราคายุติธรรม เป็นที่พอใจแก่ผู้ซื้อ
แล้วปัญหาอยู่ที่ไหนล่ะ
ทำเลที่บ้านนั้น อาจารย์มีโอกาสไปดูและจัดให้ตั้งแต่แรก
บ้านของสองสามีภรรยาอยู่ในหมู่บ้านที่มีชื่อคลาสสิคตามหลัง
ซึ่งก็สอดคล้องกับอาชีพที่ทำ ตัวบ้านหลังอิงทิศใต้ หันหน้าไปทางทิศเหนือ ทางเข้าบ้านก็คดเคี้ยวไปมา
ไปสุดทางที่หน้าบ้านพอดี อาจารย์จึงจัดให้มีต้นจันทร์กระจ่างฟ้าเลื้อยขึ้นลงอยู่ตรงรั้วดังภาพ
ฝ่ายสามีเกิดปี ๒๕๐๔
มีทิศตะวันออกเป็นทิศประจำตัว ดังนั้นทิศใต้จึงเป็นทิศมังกร
ส่วนภรรยาเกิดปี ๒๕๐๖
มีทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่ประจำตัว
โดยปกติ ถ้าสามีภริยาทิศต่างกัน อาจารย์จะให้ใช้ทิศของสามีเป็นหลัก
และบังเอิญบ้านหลังนี้ หลังอิงทิศใต้ หน้าหันทิศเหนือ จึงเป็นบ้านที่มีทิศทางตรงกับสามี
ดังนั้น อาจารย์จึงจัดให้ทิศตะวันออกซึ่งเป็นทิศมังกรของบ้าน
และเป็นทิศประจำตัวของฝ่ายชายเด่น โดยการจัดวางตู้ปลา ดอกไม้ ตู้โชว์ รูปภาพ
ฯลฯ ให้สอดคล้องกับดวงชะตาของฝ่ายชาย
ด้านทิศเหนือตรงทางเข้า มีสวนดอกไม้พร้อมด้วยน้ำพุเล็กๆน่ารัก
ส่วนเตียงนอนให้ตั้งตำแหน่งของภรรยา คืด ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
อันเป็นทิศเทพรักษา ผู้มีวาสนาเกื้อกูล จะได้เป็นที่รักของลูกค้า มีคนเกื้อกูลไปตลอด
และตรงประตูหน้าบ้าน ให้ติดรูปปูไว้ตรงเสาประตูทั้งสองด้านเป็นจุดเด่น
ทำให้บ้านหลังนี้เป็นราศีกรกฎ อันเป็นราศีที่ให้โชคให้ลาภของทั้งสองคน
ดูเผินๆ น่าจะดี และประสพความสำเร็จเหมือนที่ไปจัดให้คนอื่นๆ
แต่การณ์กลับไม่เป็นอย่างนั้น หลังจากนั้นหนึ่งปี ได้พบปะพูดคุยกันเป็นประจำ ก็สรุปได้ว่า
เขามีลูกค้ามากมาย แต่ก็วิ่งไม่ทันรายจ่ายอยู่นั่นเอง อย่างนี้แสดงว่า ลูกค้าก็ยังไม่มากมายพอ
แต่โดยปกติก็พอจะอยู่ได้ในแต่ละเดือน ไม่เคยเสียเครดิต
จนกระทั่งวันหนึ่ง ฝ่ายภรรยาก็โทรมาขอคำปรึกษาอาจารย์ที่บ้าน
อาจารย์รู้สึกวิตกกังวล จึงตอบไปว่า “อย่ามาเลย นั่งคุยกันไม่เห็นอะไร แนะนำไปก็ไม่ถูกทาง
ขอไปดูที่บ้านดีกว่า ตายังดูในขณะที่หูฟังและได้สัมผัสบรรยากาศอีกด้วย”
คงจะรู้สาเหตุได้ดีกว่ามานั่งคุยที่บ้านแล้วให้อาจารย์เดาลมๆแล้งๆ
เมื่อมาถึงบ้านที่สะอาดเอี่ยม ที่เจ้าตัวบอกว่า
ได้ทำเหมือนกับลูกศิษย์อีกหลายๆ คนทำ คือทำความสะอาดบ้านกันทั้งคืน ดังนั้น หน้าตาจึงเหมือนคนอดนอนกันทุกคน
มีความเปลี่ยนแปลงที่เห็นเด่นชัดเมื่อเข้ามาในตัวบ้าน
คือทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้านเด่นมาก
เนื่องจากฝ่ายภรรยาได้จัดห้องทำงานของตน นั่งหลังอิงตะวันตก การจัดนั้นสวยงามและถูกทำเล ทั้งสวยงามหาที่ติไม่ได้
เนื่องจากเป็นลูกศิษย์มานานทั้งสองสามีภรรยา ความที่ทำเลนั้นสมบูรณ์อย่างยิ่ง จึงมีผลดึงให้สามีและลูก
ต่างก็พากันมาใช้ห้องนี้ เจ้าตัวก็ตั้งโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่สุด กลายเป็นห้องที่มีกระแสดึงดูดมากที่สุด
และมีการเคลื่อนไหวมากที่สุด และทิศนี้ก็เป็นทิศเทพรักษาของฝ่ายภรรยา ดังนั้นจึงไม่เคยขาดแคลนลูกค้า
แต่ตอนนี้ ร้านกลับต้องปิดเพราะสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว
เพราะอะไรล่ะคะ
คงยังจำภาพได้ว่า บ้านหลังนี้หลังอิงทิศใต้ ดังนั้น
ทิศที่กำลังโดดเด่นมีพลังสูงสุดในบ้านขณะนี้ คือทิศล้มละลายของบ้าน และยังเป็นทิศที่ฆ่ามังกรของสามีอีกด้วย
ซ้ำร้าย เตียงนอนที่อาจารย์วางไว้ให้ ยังเป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนืออีก
ด้านทิศตะวันออกที่เคยจัดให้วางตู้ปลาไว้ ลดอำนาจลงทันที
เพราะคนในบ้านทั้งหมดใช้เป็นตำแหน่งรอง
อย่างนี้ คือความหมายของ หยินฆ่าหยาง อย่างชัดเจน
ถามว่าภรรยามีเจตนาอย่างนี้หรือ ขอยืนยันว่าเปล่าเลย แต่เป็นการวางทิศของตนเองหรือใช้ทิศของตนเองขาดความพอเหมาะ
ทำให้สภาวะของหยินหยางไม่สมดุลย์กัน
เพราะโดยธรรมชาติ หยินจะใหญ่กว่าหยางไม่ได้ ต้องเหลื่อมต่ำกว่ากันนิดเดียวก็ยังดี
เพราะหยินคือความสงบ เมื่อไหร่ หยินมีอำนาจมากกว่าหยาง ความเคลื่อนไหว ความเจริญ ก็ไม่เกิด
สภาวะต่างๆ จะดันตัวให้สงบนิ่งทันที
บางครอบครัวไม่เข้าใจการจัดบ้าน แม้จะเรียนมาก็ตาม
ต้องวางสภาวะที่กลมกลืนกับธรรมชาติให้ดี ความสมดุลย์ไม่ได้หมายถึงความเท่าเทียมกัน
แต่หมายถึงความเหมาะสม พอตาและพอดี และต้องไม่ขัดต่อหลักของธรรมชาติด้วย
หลายครอบครัวลืมหลักความจริงข้อนี้ จัดบ้านแล้วลืมตาชั่งแห่งธรรมชาติ
มักเกิดปัญหาในครอบครัว คนโบราณจึงสั่งสอนกันมา “ไม่ให้ข่มสามี จะไม่เจริญ” ก็มาจากกฎเกณฑ์ธรรมชาตินี้เอง
ภรรยาบางคนใหญ่ในที่ทำงาน ก็ลืมไป มาใหญ่ที่บ้านด้วย
จะเอาอะไรก็เอาให้ได้ดังใจ สามีเลยต้องไปหาที่เป็นใหญ่นอกบ้าน ตามธรรมชาติของหยาง ที่เมื่อถูกกดมากๆ
ก็จะลอยตัวหายไปหนีหายไป
ภรรยาบางคนมาเรียนกับอาจารย์ แล้วก็จะทำเลให้ตัวเองเต็มบ้านไปหมด
ลืมนึกถึงสามี ปัญหาก็เลยเกิด
อ่านประสบการณ์ตอนนี้แล้ว ลองไปชั่งน้ำหนักของความเป็น
หยิน-หยาง ดูนะคะ
เคล็ดการจัดบ้าน
ในการตรวจดูทำเลของอาจารย์ ไม่ได้เน้นความสำคัญไปที่สิ่งคุกคามภายนอกเท่าไหร่ แต่จะไปเน้นสิ่งสำคัญที่โดดเด่นที่เราสามารถมองเห็นได้ทันที หรือที่เรียกว่า “สายตาปะทะสิ่งใดก่อน สิ่งนั้นย่อมมีอิทธิพลต่อผู้อาศัย”
เช่นโดยทั่วไป ศาสตร์ว่าด้วยทำเล จะถือสาเรื่องสิ่งแหลมคมที่อยู่ตรงข้ามบ้านของเรา แต่ถ้าสิ่งที่แหลมคมนั้น อันกะจิดริด เล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับตัวบ้านของเราที่มีอาณาบริเวณ ที่เรียกได้ว่า ข่มทำเลตรงข้ามไปหมดเรียบร้อยแล้ว มองดูแล้ว คล้ายเด็กรังแกผู้ใหญ่ คือมันไม่มีผลอะไรนั่นเอง
แต่ถ้าหากสิ่งอันไม่พึงประสงค์ ดูแล้วน่าเกลียด เช่น กองขยะมหึมาที่อยู่หน้าบ้าน แถมส่งกลิ่นเหม็น จะดูอย่างไร สายตาและความรู้สึกมันเข้าไปผูกพันวนเวียนอยู่ตลอดเวลา สิ่งเหล่านั้นย่อมมีผลกับตัวเราอย่างแน่นอน
อุปมาเหมือนเราจะรักชอบใคร เราก็ผูกพันวนเวียนกับคนนั้น ทุกข์สุขของเขาก็มีผลกับจิตใจเรา เขารักเขาชัง หรือมีความรู้สึกอย่างไรกับเรา ต่างก็มีผลกับชีวิตของเราทั้งสิ้น ตรงกันข้าม ถ้าคนไหนเราไม่รัก ไม่ชอบ ไม่สนใจซะอย่าง ทำอะไรก็ไม่มีผลกับเรา นี่เป็นเรื่องของจิตใจ ศาสตร์ว่าด้วยทำเล จะเกี่ยวพันกับเรื่องจิตใจด้วย
อีกประเภทหนึ่ง เป็นเรื่องของสายตาที่มองดูสิ่งรอบๆ ตัว อันนี้จะเข้าลักษณะสิ่งแวดล้อมทางวัตถุ เช่น เมื่อเราเข้าบ้านของเราเอง บ้านรกมาก ไม่เป็นระเบียบ ไม่สวยงาม ไม่ต้องตาต้องใจ ไม่ตรงกับรสนิยมของเรา เราก็จะรู้สึกหงุดหงิด
เคล็ดของฮวงจุ้ยในตอนนี้ จึงอยากจะเน้นความสำคัญของสิ่งแรกที่สายตาปะทะ ให้อ่านทำเลและตีความจากสิ่งแรกที่เราเห็นเสียก่อน
มีบ้านอยู่หลังหนึ่ง เป็นบ้านเดียวสองชั้นราคาไม่แพง บ้านหลังนี้กว้างขวางพอสมควร มีห้องใช้สอยครบถ้วน เช่น ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว ห้องนอน ห้องทำงาน คือที่อธิบายมายืดยาวนี้ เพราะต้องการจะบอกให้ทราบว่า ห้องใช้สอยมีพอที่จะไม่ต้องไปอยู่เป็นกระจุกที่เดียว
บ้านหลังนี้เป็นของคุณจุฑา ลูกศิษย์ ที่ไปเยี่ยมมาแล้ว มีลักษณะอย่างนี้ไม่ต่ำกว่า ๑๐ หลัง เมื่อเข้าบ้านของคุณจุฑา อาจารย์จะถามก่อนว่า ห้องนี้ใช้ทำอะไร แล้วอาจารย์ก็จะเดินทั่วบ้านแบบเดียวกับเจ้าหนี้ที่มองอย่างละเอียด สำรวจตรวจตราว่าจะเอาอะไรไปได้บ้าง
แล้วอาจารย์ก็ถามคุณจุฑาว่า รับแขกตรงไหน พักผ่อนตรงไหน ทานข้าวตรงไหน ซอกแซกกับชีวิตเขาไปหมด คุณจุฑาก็จะตอบว่า ตรงนี้ค่ะ ตรงนี้ค่ะ ตรงนี้ที่ว่านี้ คือที่เดียวกันหมด เป็นกระจุกเดียว เวลานอน ก็เฮโลกันไปนอนที่เดียวกันอีก ลูกมีการบ้าน ก็ทำในห้องนอน คุณพ่อจะดูทีวี ก็ดูในห้องนอน คุณแม่จะออกกำลังกาย ก็เหมือนยกฟิตเนตมาไว้ในห้องนอน
สมาชิกครอบครัวทั้งหมดต่างนอนดึก ตื่นสาย สุขภาพไม่แข็งแรง ลูกเรียนไม่เก่ง คุณพ่อหงุดหงิด การงานตกหมด คุณแม่เสียงดัง ขี้บ่น เคยมีเพื่อนมาทักว่าโดนเจ้าที่เล่นงาน ให้ตั้งศาลใหม่ คุณจุฑาก็เชื่อฟังเป็นอันดี ตั้งศาลใหม่ก็แล้ว มีคนมาทักอีกว่า ทางรถเข้าบ้านเทเกินไป คุณจุฑาก็ถมใหม่ เท่านี้ยังไม่พอ ยังมีคนมาทักอีกว่า หน้าต่างห้องนอนของเจ้าของบ้านไปตรงกับจั่วตรงข้ามบ้าน ครั้งนี้จะไปตัดจั่วของเขาออกคงไม่ได้ เรื่องจึงมาถึงอาจารย์
อาจารย์ไม่ได้ดูที่จั่ว แต่แนะนำให้จัดบ้านใหม่ทันที ถ้าหากบอกว่าห้องนี้เป็นห้องรับแขก เมื่อเข้ามาต้องจัดห้องให้รู้ได้ทันทีเมื่อแขกเข้ามา เขาจะต้องนั่งตรงนี้ ห้องนั้นจะต้องมีลักษณะโดดเด่น ที่ดูรู้ทันทีว่าเป็นห้องรับแขก
ตรงนั้นเรียกว่าห้องนั่งเล่น พักผ่อน ดูทีวี ก็ต้องจัดห้องตามความหมายนั้น คือพักผ่อนและดูทีวี คอมพิวเตอร์ที่ใช้เล่นเกมส์ก็ต้องอยู่ห้องนี้
ห้องรับประทานอาหาร โต๊ะอาหารก็ต้องเด่นที่สุด จัดห้องให้น่านั่งรับประทานอาหาร มีทั้งรูปภาพประกอบที่ไม่ดูหนักเกินไป
ห้องนอนก็ต้องมีเตียงนอนที่โดดเด่น ดูน่านอนหลับปุ๋ยทันทีที่เห็นเตียง
พอเข้าใจเคล็ดหรือหลักเกณฑ์นี้นะคะ
ถ้าหากว่าเรามีบ้านขนาดเล็ก เราก็ต้องแยกแยะให้ดีว่า ในบ้านเล็กกระทัดรัดของเรานี้ เรามีกิจกรรมอะไรที่โดดเด่นที่สุด เช่น มีแขกทุกวัน มากันได้ทุกวี่ทุกวัน เราก็ต้องจัดห้องรับแขกให้สามารถรับแขกได้ตลอดเวลา แต่ก็จัดให้สบายพอที่จะเป็นห้องนั่งเล่น พักผ่อนไปในตัว
โต๊ะรับประทานอาหาร สามารถจัดเป็นที่ทำการบ้านของเด็กๆ ได้ โดยจัดให้เป็นระเบียบ ไม่รก แต่รอบๆ โต๊ะอาหาร มีชั้นหนังสือวางอยู่ด้วย มีโต๊ะคอมอยู่ใกล้ๆ เป็นต้น
สรุปก็คือ ต้องกำหนดให้ได้ก่อนว่า ห้องไหนใช้สอยสำหรับอะไร เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ ต้องให้ความหมายตรงกับการใช้สอย ห้องนอน เตียงต้องเด่น ห้องทำงาน โต๊ะทำงานก็ต้องเด่น และต้องใช้สอยทุกพื้นที่ด้วยนะคะ อย่าลืม
ถ้าทำได้อย่างนี้ เรียกได้ว่า มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะนอกจากจะถูกต้องตามทำเลแล้ว ยังทำให้มีสภาพแวดล้อมทางวัตถุที่ดี เพราะเป็นการเพาะนิสัยของเด็กให้รู้จักการทำอะไรก่อนหลัง พูดง่ายๆ คือรู้จักจัดลำดับก่อนหลังในการจัดการเรื่องราวต่างๆในชีวิตของตนเองให้ดี
ลองจัดบ้านตามเคล็ดนี้นะคะ
เช่นโดยทั่วไป ศาสตร์ว่าด้วยทำเล จะถือสาเรื่องสิ่งแหลมคมที่อยู่ตรงข้ามบ้านของเรา แต่ถ้าสิ่งที่แหลมคมนั้น อันกะจิดริด เล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับตัวบ้านของเราที่มีอาณาบริเวณ ที่เรียกได้ว่า ข่มทำเลตรงข้ามไปหมดเรียบร้อยแล้ว มองดูแล้ว คล้ายเด็กรังแกผู้ใหญ่ คือมันไม่มีผลอะไรนั่นเอง
แต่ถ้าหากสิ่งอันไม่พึงประสงค์ ดูแล้วน่าเกลียด เช่น กองขยะมหึมาที่อยู่หน้าบ้าน แถมส่งกลิ่นเหม็น จะดูอย่างไร สายตาและความรู้สึกมันเข้าไปผูกพันวนเวียนอยู่ตลอดเวลา สิ่งเหล่านั้นย่อมมีผลกับตัวเราอย่างแน่นอน
อุปมาเหมือนเราจะรักชอบใคร เราก็ผูกพันวนเวียนกับคนนั้น ทุกข์สุขของเขาก็มีผลกับจิตใจเรา เขารักเขาชัง หรือมีความรู้สึกอย่างไรกับเรา ต่างก็มีผลกับชีวิตของเราทั้งสิ้น ตรงกันข้าม ถ้าคนไหนเราไม่รัก ไม่ชอบ ไม่สนใจซะอย่าง ทำอะไรก็ไม่มีผลกับเรา นี่เป็นเรื่องของจิตใจ ศาสตร์ว่าด้วยทำเล จะเกี่ยวพันกับเรื่องจิตใจด้วย
อีกประเภทหนึ่ง เป็นเรื่องของสายตาที่มองดูสิ่งรอบๆ ตัว อันนี้จะเข้าลักษณะสิ่งแวดล้อมทางวัตถุ เช่น เมื่อเราเข้าบ้านของเราเอง บ้านรกมาก ไม่เป็นระเบียบ ไม่สวยงาม ไม่ต้องตาต้องใจ ไม่ตรงกับรสนิยมของเรา เราก็จะรู้สึกหงุดหงิด
เคล็ดของฮวงจุ้ยในตอนนี้ จึงอยากจะเน้นความสำคัญของสิ่งแรกที่สายตาปะทะ ให้อ่านทำเลและตีความจากสิ่งแรกที่เราเห็นเสียก่อน
มีบ้านอยู่หลังหนึ่ง เป็นบ้านเดียวสองชั้นราคาไม่แพง บ้านหลังนี้กว้างขวางพอสมควร มีห้องใช้สอยครบถ้วน เช่น ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว ห้องนอน ห้องทำงาน คือที่อธิบายมายืดยาวนี้ เพราะต้องการจะบอกให้ทราบว่า ห้องใช้สอยมีพอที่จะไม่ต้องไปอยู่เป็นกระจุกที่เดียว
บ้านหลังนี้เป็นของคุณจุฑา ลูกศิษย์ ที่ไปเยี่ยมมาแล้ว มีลักษณะอย่างนี้ไม่ต่ำกว่า ๑๐ หลัง เมื่อเข้าบ้านของคุณจุฑา อาจารย์จะถามก่อนว่า ห้องนี้ใช้ทำอะไร แล้วอาจารย์ก็จะเดินทั่วบ้านแบบเดียวกับเจ้าหนี้ที่มองอย่างละเอียด สำรวจตรวจตราว่าจะเอาอะไรไปได้บ้าง
แล้วอาจารย์ก็ถามคุณจุฑาว่า รับแขกตรงไหน พักผ่อนตรงไหน ทานข้าวตรงไหน ซอกแซกกับชีวิตเขาไปหมด คุณจุฑาก็จะตอบว่า ตรงนี้ค่ะ ตรงนี้ค่ะ ตรงนี้ที่ว่านี้ คือที่เดียวกันหมด เป็นกระจุกเดียว เวลานอน ก็เฮโลกันไปนอนที่เดียวกันอีก ลูกมีการบ้าน ก็ทำในห้องนอน คุณพ่อจะดูทีวี ก็ดูในห้องนอน คุณแม่จะออกกำลังกาย ก็เหมือนยกฟิตเนตมาไว้ในห้องนอน
สมาชิกครอบครัวทั้งหมดต่างนอนดึก ตื่นสาย สุขภาพไม่แข็งแรง ลูกเรียนไม่เก่ง คุณพ่อหงุดหงิด การงานตกหมด คุณแม่เสียงดัง ขี้บ่น เคยมีเพื่อนมาทักว่าโดนเจ้าที่เล่นงาน ให้ตั้งศาลใหม่ คุณจุฑาก็เชื่อฟังเป็นอันดี ตั้งศาลใหม่ก็แล้ว มีคนมาทักอีกว่า ทางรถเข้าบ้านเทเกินไป คุณจุฑาก็ถมใหม่ เท่านี้ยังไม่พอ ยังมีคนมาทักอีกว่า หน้าต่างห้องนอนของเจ้าของบ้านไปตรงกับจั่วตรงข้ามบ้าน ครั้งนี้จะไปตัดจั่วของเขาออกคงไม่ได้ เรื่องจึงมาถึงอาจารย์
อาจารย์ไม่ได้ดูที่จั่ว แต่แนะนำให้จัดบ้านใหม่ทันที ถ้าหากบอกว่าห้องนี้เป็นห้องรับแขก เมื่อเข้ามาต้องจัดห้องให้รู้ได้ทันทีเมื่อแขกเข้ามา เขาจะต้องนั่งตรงนี้ ห้องนั้นจะต้องมีลักษณะโดดเด่น ที่ดูรู้ทันทีว่าเป็นห้องรับแขก
ตรงนั้นเรียกว่าห้องนั่งเล่น พักผ่อน ดูทีวี ก็ต้องจัดห้องตามความหมายนั้น คือพักผ่อนและดูทีวี คอมพิวเตอร์ที่ใช้เล่นเกมส์ก็ต้องอยู่ห้องนี้
ห้องรับประทานอาหาร โต๊ะอาหารก็ต้องเด่นที่สุด จัดห้องให้น่านั่งรับประทานอาหาร มีทั้งรูปภาพประกอบที่ไม่ดูหนักเกินไป
ห้องนอนก็ต้องมีเตียงนอนที่โดดเด่น ดูน่านอนหลับปุ๋ยทันทีที่เห็นเตียง
พอเข้าใจเคล็ดหรือหลักเกณฑ์นี้นะคะ
ถ้าหากว่าเรามีบ้านขนาดเล็ก เราก็ต้องแยกแยะให้ดีว่า ในบ้านเล็กกระทัดรัดของเรานี้ เรามีกิจกรรมอะไรที่โดดเด่นที่สุด เช่น มีแขกทุกวัน มากันได้ทุกวี่ทุกวัน เราก็ต้องจัดห้องรับแขกให้สามารถรับแขกได้ตลอดเวลา แต่ก็จัดให้สบายพอที่จะเป็นห้องนั่งเล่น พักผ่อนไปในตัว
โต๊ะรับประทานอาหาร สามารถจัดเป็นที่ทำการบ้านของเด็กๆ ได้ โดยจัดให้เป็นระเบียบ ไม่รก แต่รอบๆ โต๊ะอาหาร มีชั้นหนังสือวางอยู่ด้วย มีโต๊ะคอมอยู่ใกล้ๆ เป็นต้น
สรุปก็คือ ต้องกำหนดให้ได้ก่อนว่า ห้องไหนใช้สอยสำหรับอะไร เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ ต้องให้ความหมายตรงกับการใช้สอย ห้องนอน เตียงต้องเด่น ห้องทำงาน โต๊ะทำงานก็ต้องเด่น และต้องใช้สอยทุกพื้นที่ด้วยนะคะ อย่าลืม
ถ้าทำได้อย่างนี้ เรียกได้ว่า มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะนอกจากจะถูกต้องตามทำเลแล้ว ยังทำให้มีสภาพแวดล้อมทางวัตถุที่ดี เพราะเป็นการเพาะนิสัยของเด็กให้รู้จักการทำอะไรก่อนหลัง พูดง่ายๆ คือรู้จักจัดลำดับก่อนหลังในการจัดการเรื่องราวต่างๆในชีวิตของตนเองให้ดี
ลองจัดบ้านตามเคล็ดนี้นะคะ
มังกรร่อนเร่
คำว่ามังกร เป็นคำแทนสำหรับกลุ่มคนที่เป็นหัวหน้า หรือบุคคลที่สำคัญที่สุดในแต่ละหน่วยงาน ของประเทศ ของจังหวัด ของหมู่บ้าน ของท้องถิ่น ของบริษัท ของครอบครัว บุคคลต่างๆ เหล่านี้ มีบทบาทและหน้าที่ที่สำคัญในหน่วยงานของตน เปรียบเสมือนไม้ยืนต้นที่ต้องปักหลักอยู่ในดินที่อุดมสมบูรณ์ มีฐานที่มั่นคง มีที่กว้างๆ ไม่สะดุด ไม่โดนคุกคาม จนไม่อาจแต่กิ่งก้านสาขาออกไปได้ เพื่อเป็นที่พึ่ง ที่ยึด และที่อาศัยของเหล่านกกา ทั้งยังให้ความร่มเย็นแก่คนเดินทางอีกด้วย
คำว่ามังกรไม่เพียงแต่ใช้กับสิ่งมีชีวิต ยังใช้ได้กับสิ่งปลูกสร้าง อาคาร ที่ดิน ต้นไม้ ที่มีลักษณะดังกล่าวข้างต้นอีกด้วย
หากเราเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นบุคคลสำคัญ เป็นหลักใหญ่ที่สุด เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้เราเป็นมังกรของบ้านหรือเปล่า คุณสุภาพบุรุษอยู่บ้าน ถูกโขกสับทุกวัน ห้องนอนใหญ่ ภรรยานอนบนเตียง คุณสามีนอนกับพื้น พอตกดึก ภรรยาอยากเข้าห้องน้ำ ลุกจากเตียงก็เหยียบคุณสามี เท่านี้คุณสามีอยู่ใต้ฝ่าเท้าของศรีภรรยาทุกวัน บนโต๊ะเครื่องแป้ง มีสรรพสิ่งของภรรยา ส่วนของสามีมีหวีอยู่หนึ่งอัน ตู้เสื้อผ้าห้าตู้ สี่ตู้ครึ่งมีแต่เสื้อผ้าของภรรยา ของสามีมีอยู่ครึ่งตู้ที่เหลือ
ในตู้เย็นมีเครื่องสำอางของภรรยา ครึ่งที่เหลือเป็นน้ำเกลือแร่และน้ำผลไม้ลดความอ้วนของภรรยา อีกส่วนที่เหลือเป็นไอศครีมของลูก
ห้องทำงาน มีเครื่องออกกำลังกายของภรรยา คอมพิวเตอร์ของลูก ส่วนของสามีมีแต่หนังสือพิมพ์กับเก้าอี้ตรงซอกนิดเดียว
คุณสามีนั่งรถไฟฟ้าไปทำงานโดยภรรยาขับรถไปส่ง ตอนเย็นตัวใครตัวมัน กลับถึงบ้านเองเมื่อไหร่เมื่อนั้น กลับมา ภรรยาไม่มีเวลาทำกับข้าว มีสองอย่างให้เลือก ไปทานบ้านแม่สามีหรือกลับมาทานกันในครอบครัว แต่สามีกลับมาช้า เหลือก๋วยเตี๋ยวห่อเดียว ที่เหลือภรรยาและลูกสุดที่รักกินซะเรียบร้อย คนละสองสามห่อ ภรรยามีเครื่องออกกำลังกายกันอ้วนไว้แล้ว เพราะฉะนั้นทานเท่าไหร่ก็ได้ ส่วนคุณสามีอย่าทานมาก เปลือง ผู้ชายต้องหุ่นเพรียวถึงจะหล่อนะยะ
ยามพาลูกไปช้อปปิ้ง ลูกโตเร็ว อย่าซื้อมาก เอาพอปิดกาย เธอก็เป็นผู้ชาย แฟชั่นอะไรก็ไม่มีเห็นมี มีแต่เสื้อกับกางเกงและเข็มขัด ไม่ต้องซื้อมาก หนักสีดำเข้าไว้ ใส่ซ้ำได้ ส่วนศรีภรรยาจำเป็นต้องออกสังคมเพื่อส่งเสริมสามี เสื้อผ้า เพชรพลอย เครื่องสำอางเป็นของจำเป็น เป็นหน้าเป็นตาว่า ฉันมีสามีรวย รักษาหน้าให้เธอว่า ไม่ได้เอาฉันมาลำบาก รู้จักบุญคุณซะมั่งสิ ว่าเป็นภรรยาที่เสริมสามี ไปไหนก็เชิดหน้าชูตา ดูสิ เหนื่อยทุกวันนี้เพื่อครอบครัวแท้ๆ เธอไม่เห็นทำอะไร ดูเพื่อนๆ ของเธอซิ ไปถึงไหนแล้ว ทำไมไม่เอาอย่างเขาบ้าง
ศรีภรรยาได้มีโอกาสมาเรียนฮวงจุ้ยกับอาจารย์ แล้วเกิดความคิดอันประเสริฐ กลับไปเล่าให้สามีฟัง นี่เธอเป็นมังกรของบ้านนะ ดูสิอ่อนแอปวกเปียก อำนาจในตัวก็ไม่มี เหมือนที่อาจารย์ว่าเลย เพราะห้องนอนเราเป็นตำแหน่งล้มละลายของเธอ แต่เป็นตำแหน่งมังกรของฉัน สุดท้าย สามีสุดที่รักก็ไปนอนตำแหน่งมังกรของตัวเอง ซึ่งก็คือตำแหน่งห้องเก็บของหลังบ้าน แถมภรรยาทวงบุญคุณว่า ฉันเสียสละนะนี่ เลยต้องหาที่เก็บของใหม่
กว่าอาจารย์จะไปพบ มังกรของบ้านนี้ก็มีอาการหมดอะไรตายอยาก ผอมแห้ง มีอาการสะดุ้งหวาดผวา เหตุที่ได้ไปพบ เพราะภรรยาจะเปิดกิจการใหญ่ จะให้สามีลาออกจากงานมาดูแลรับผิดชอบ เพราะทำงานเป็นลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ตำแหน่งก็ไม่ขึ้น ทุกครั้งที่มีการพิจารณา จะถูกตัดหน้าชิงตำแหน่งไปหมด
อาจารย์ได้จัดทำเลให้ใหม่ ให้สามีกลับขึ้นมานอนข้างบนห้องนอนใหญ่ แต่ให้เปลี่ยนสีห้องนอนให้เป็นสีของดวงดาวที่โดดเด่นของสามี และต้องไม่เป็นอันตรายต่อภรรยาด้วย จัดมุมมงคล มุมเทพรักษา ให้นั่งทำงาน พักผ่อน ส่วนตำแหน่งมังกรของสามีที่เป็นห้องเก็บของ เพียงแต่จัดให้สะอาด แต่ไปตั้งเตาไฟให้ปากเตาหันไปทางทิศมังกรของสามี พร้อมทั้งทวงตู้เสื้อผ้าเพิ่มให้สามีด้วย
อาจารย์ต้องการขยายอาณาเขตของสามี ให้เขามีความสุขกับมุมของเขา ใส่สีสันของดวงดาวที่ส่งเสริมความเจริญให้กับเขา เปรียบเสมือนขยายฐานต้นไม้ให้เติบโตเต็มที่ ด้วยการให้อยู่มุมของตนเอง เพื่อรับพลังที่แข็งที่สุดตามธาตุของเขา ใส่สีสันของดวงดาว คือการใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้เจริญเติบโต
หลังจากนั้น ก็ไปจัดทำเลที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับระบบขายตรงให้ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากตัวบ้านนัก
ไม่นานก็ได้ข่าวว่า สามีไม่สามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างราบรื่น มีปัญหามากมาย คุมคนไม่อยู่ เงินทองรั่วไหล บริหารงานติดลบ อาจารย์ตรงไปดูที่ทำงานก่อน ทำเลก็สมบูรณ์เหมือนที่อาจารย์จัดเอาไว้ทุกประการ เจ้าตัวก็ยอมรับว่าอยู่ที่ทำงานสบายใจมาก ระหว่างที่พูดคุยกันไป ภรรยาก็สอดแทรกคำให้การเป็นระยะ เป็นทำนองติเตียนระบบการทำงานของสามีว่า ไม่ได้เรื่อง ไม่ดี ใจอ่อนเกินไป เดี๋ยวให้ลูกน้องยืมเงิน ฉันเลยต้องไปทวงคืนเอง ชอบเลี้ยงลูกน้อง ฉันต้องเดือดร้อนไปตามดึกๆ ดื่นๆ จะแต่งตั้งมอบอำนาจให้ใคร ฉันต้องไปถอดถอนทีหลัง ไม่เห็นได้เรื่องเลยซักคน
อาจารย์ถามว่า ทำเลที่บ้านทำแล้วหรือยัง เธอตอบว่า “ยังเลยค่ะ เพราะไม่มีเวลา”
มังกรของอาจารย์ ยังร่อนเร่มีชีวิตเหมือนเดิมทุกประการ
ประสบการณ์ตอนนี้ของอาจารย์ มีคำถามสำหรับผู้อ่านทุกท่านว่า
ธุรกิจนี้จะรุ่งเรืองหรือไม่ เพราะอะไร
ประสานบุคคลหรือเปล่า มังกรร่อนเร่ของเรา มีโอกาสผงาดฟ้าหรือไม่
และคำถามสุดท้าย ในชีวิตของคุณ เคยพบมังกรร่อนเร่ข้างๆ ตัวคุณบ้างหรือไม่
ท้ายสุด ถ้าคุณเป็นภรรยาของมังกรร่อนเร่เรื่องนี้ คุณจะทำอย่างไร
ขอให้มังกรร่อนเร่ทุกคน จงประสบแสงสว่างในชีวิตในที่สุดค่ะ
คำว่ามังกรไม่เพียงแต่ใช้กับสิ่งมีชีวิต ยังใช้ได้กับสิ่งปลูกสร้าง อาคาร ที่ดิน ต้นไม้ ที่มีลักษณะดังกล่าวข้างต้นอีกด้วย
หากเราเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นบุคคลสำคัญ เป็นหลักใหญ่ที่สุด เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้เราเป็นมังกรของบ้านหรือเปล่า คุณสุภาพบุรุษอยู่บ้าน ถูกโขกสับทุกวัน ห้องนอนใหญ่ ภรรยานอนบนเตียง คุณสามีนอนกับพื้น พอตกดึก ภรรยาอยากเข้าห้องน้ำ ลุกจากเตียงก็เหยียบคุณสามี เท่านี้คุณสามีอยู่ใต้ฝ่าเท้าของศรีภรรยาทุกวัน บนโต๊ะเครื่องแป้ง มีสรรพสิ่งของภรรยา ส่วนของสามีมีหวีอยู่หนึ่งอัน ตู้เสื้อผ้าห้าตู้ สี่ตู้ครึ่งมีแต่เสื้อผ้าของภรรยา ของสามีมีอยู่ครึ่งตู้ที่เหลือ
ในตู้เย็นมีเครื่องสำอางของภรรยา ครึ่งที่เหลือเป็นน้ำเกลือแร่และน้ำผลไม้ลดความอ้วนของภรรยา อีกส่วนที่เหลือเป็นไอศครีมของลูก
ห้องทำงาน มีเครื่องออกกำลังกายของภรรยา คอมพิวเตอร์ของลูก ส่วนของสามีมีแต่หนังสือพิมพ์กับเก้าอี้ตรงซอกนิดเดียว
คุณสามีนั่งรถไฟฟ้าไปทำงานโดยภรรยาขับรถไปส่ง ตอนเย็นตัวใครตัวมัน กลับถึงบ้านเองเมื่อไหร่เมื่อนั้น กลับมา ภรรยาไม่มีเวลาทำกับข้าว มีสองอย่างให้เลือก ไปทานบ้านแม่สามีหรือกลับมาทานกันในครอบครัว แต่สามีกลับมาช้า เหลือก๋วยเตี๋ยวห่อเดียว ที่เหลือภรรยาและลูกสุดที่รักกินซะเรียบร้อย คนละสองสามห่อ ภรรยามีเครื่องออกกำลังกายกันอ้วนไว้แล้ว เพราะฉะนั้นทานเท่าไหร่ก็ได้ ส่วนคุณสามีอย่าทานมาก เปลือง ผู้ชายต้องหุ่นเพรียวถึงจะหล่อนะยะ
ยามพาลูกไปช้อปปิ้ง ลูกโตเร็ว อย่าซื้อมาก เอาพอปิดกาย เธอก็เป็นผู้ชาย แฟชั่นอะไรก็ไม่มีเห็นมี มีแต่เสื้อกับกางเกงและเข็มขัด ไม่ต้องซื้อมาก หนักสีดำเข้าไว้ ใส่ซ้ำได้ ส่วนศรีภรรยาจำเป็นต้องออกสังคมเพื่อส่งเสริมสามี เสื้อผ้า เพชรพลอย เครื่องสำอางเป็นของจำเป็น เป็นหน้าเป็นตาว่า ฉันมีสามีรวย รักษาหน้าให้เธอว่า ไม่ได้เอาฉันมาลำบาก รู้จักบุญคุณซะมั่งสิ ว่าเป็นภรรยาที่เสริมสามี ไปไหนก็เชิดหน้าชูตา ดูสิ เหนื่อยทุกวันนี้เพื่อครอบครัวแท้ๆ เธอไม่เห็นทำอะไร ดูเพื่อนๆ ของเธอซิ ไปถึงไหนแล้ว ทำไมไม่เอาอย่างเขาบ้าง
ศรีภรรยาได้มีโอกาสมาเรียนฮวงจุ้ยกับอาจารย์ แล้วเกิดความคิดอันประเสริฐ กลับไปเล่าให้สามีฟัง นี่เธอเป็นมังกรของบ้านนะ ดูสิอ่อนแอปวกเปียก อำนาจในตัวก็ไม่มี เหมือนที่อาจารย์ว่าเลย เพราะห้องนอนเราเป็นตำแหน่งล้มละลายของเธอ แต่เป็นตำแหน่งมังกรของฉัน สุดท้าย สามีสุดที่รักก็ไปนอนตำแหน่งมังกรของตัวเอง ซึ่งก็คือตำแหน่งห้องเก็บของหลังบ้าน แถมภรรยาทวงบุญคุณว่า ฉันเสียสละนะนี่ เลยต้องหาที่เก็บของใหม่
กว่าอาจารย์จะไปพบ มังกรของบ้านนี้ก็มีอาการหมดอะไรตายอยาก ผอมแห้ง มีอาการสะดุ้งหวาดผวา เหตุที่ได้ไปพบ เพราะภรรยาจะเปิดกิจการใหญ่ จะให้สามีลาออกจากงานมาดูแลรับผิดชอบ เพราะทำงานเป็นลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ตำแหน่งก็ไม่ขึ้น ทุกครั้งที่มีการพิจารณา จะถูกตัดหน้าชิงตำแหน่งไปหมด
อาจารย์ได้จัดทำเลให้ใหม่ ให้สามีกลับขึ้นมานอนข้างบนห้องนอนใหญ่ แต่ให้เปลี่ยนสีห้องนอนให้เป็นสีของดวงดาวที่โดดเด่นของสามี และต้องไม่เป็นอันตรายต่อภรรยาด้วย จัดมุมมงคล มุมเทพรักษา ให้นั่งทำงาน พักผ่อน ส่วนตำแหน่งมังกรของสามีที่เป็นห้องเก็บของ เพียงแต่จัดให้สะอาด แต่ไปตั้งเตาไฟให้ปากเตาหันไปทางทิศมังกรของสามี พร้อมทั้งทวงตู้เสื้อผ้าเพิ่มให้สามีด้วย
อาจารย์ต้องการขยายอาณาเขตของสามี ให้เขามีความสุขกับมุมของเขา ใส่สีสันของดวงดาวที่ส่งเสริมความเจริญให้กับเขา เปรียบเสมือนขยายฐานต้นไม้ให้เติบโตเต็มที่ ด้วยการให้อยู่มุมของตนเอง เพื่อรับพลังที่แข็งที่สุดตามธาตุของเขา ใส่สีสันของดวงดาว คือการใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้เจริญเติบโต
หลังจากนั้น ก็ไปจัดทำเลที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับระบบขายตรงให้ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากตัวบ้านนัก
ไม่นานก็ได้ข่าวว่า สามีไม่สามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างราบรื่น มีปัญหามากมาย คุมคนไม่อยู่ เงินทองรั่วไหล บริหารงานติดลบ อาจารย์ตรงไปดูที่ทำงานก่อน ทำเลก็สมบูรณ์เหมือนที่อาจารย์จัดเอาไว้ทุกประการ เจ้าตัวก็ยอมรับว่าอยู่ที่ทำงานสบายใจมาก ระหว่างที่พูดคุยกันไป ภรรยาก็สอดแทรกคำให้การเป็นระยะ เป็นทำนองติเตียนระบบการทำงานของสามีว่า ไม่ได้เรื่อง ไม่ดี ใจอ่อนเกินไป เดี๋ยวให้ลูกน้องยืมเงิน ฉันเลยต้องไปทวงคืนเอง ชอบเลี้ยงลูกน้อง ฉันต้องเดือดร้อนไปตามดึกๆ ดื่นๆ จะแต่งตั้งมอบอำนาจให้ใคร ฉันต้องไปถอดถอนทีหลัง ไม่เห็นได้เรื่องเลยซักคน
อาจารย์ถามว่า ทำเลที่บ้านทำแล้วหรือยัง เธอตอบว่า “ยังเลยค่ะ เพราะไม่มีเวลา”
มังกรของอาจารย์ ยังร่อนเร่มีชีวิตเหมือนเดิมทุกประการ
ประสบการณ์ตอนนี้ของอาจารย์ มีคำถามสำหรับผู้อ่านทุกท่านว่า
ธุรกิจนี้จะรุ่งเรืองหรือไม่ เพราะอะไร
ประสานบุคคลหรือเปล่า มังกรร่อนเร่ของเรา มีโอกาสผงาดฟ้าหรือไม่
และคำถามสุดท้าย ในชีวิตของคุณ เคยพบมังกรร่อนเร่ข้างๆ ตัวคุณบ้างหรือไม่
ท้ายสุด ถ้าคุณเป็นภรรยาของมังกรร่อนเร่เรื่องนี้ คุณจะทำอย่างไร
ขอให้มังกรร่อนเร่ทุกคน จงประสบแสงสว่างในชีวิตในที่สุดค่ะ
กรณีศึกษา : มังกร ๕ เล็บ
บ้านของคุณประเสริฐเป็นคฤหาสน์ใหญ่โต ความที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน
จึงจัดบ้านสไตล์ออกจีน นับตั้งแต่รถเข้าอาณาเขตรั้ว ก็เห็นรูปสลักมังกรไม้ตัวใหญ่แยกเขี้ยวอยู่หน้าบ้าน
ทางขึ้นบันไดเหมือนท้องพระโรง โอ่โถง เป็นบันไดหินอ่อน
ซ้ายขวาเป็นอ่างบัวขนาดมหึมา เมื่อขึ้นบันไดที่มีอยู่ห้าขั้น ก็เป็นเสาสองต้นใหญ่ตระหง่านเหมือนผู้พิทักษ์ทั้งสองข้าง
ถัดไปเป็นผนังบ้านที่เป็นกระจกสีลายมังกร เมื่อผ่านประตูบ้านเข้าไป ภายในแบ่งออกเป็นสองด้าน ด้านซ้ายเป็นโต๊ะยักษ์ลายมุก
ขนาบด้วยแจกันกังไสขนาดมหึมา ส่วนด้านขวาเป็นชุดรับแขกลายมุกสลับมังกร นั่งลงไปแล้วเกิดความรู้สึกกลัวมังกรกัด
คุณประเสริฐ ลูกชาย และภรรยาที่มีโหวงเฮ้งเป็นมังกรชัดๆ รอต้อนรับอาจารย์อยู่
สังเกตเพียงเท่านี้ แทบจะบอกได้ว่าคุณประเสริฐกำลังประสบสภาวะที่เรียกว่า
“เกินกำลัง” เพราะลักษณะบ้าน “เกินตัว” แถมคนในบ้านหงุดหงิดเข้าใส่กัน
ไม่อยากพูดคุยกัน เพราะอิทธิพลความยิ่งใหญ่ของสถานที่ที่ข่มคนในบ้าน ซึ่งโดยปรกติ สัญชาติญาณของบุคคลนั้น
ไม่ชอบการถูกข่ม โดยเฉพาะคนที่มีความสามารถด้วยแล้ว
จะเกิดความรู้สึกหงุดหงิดฮึดฮัดทันที และนี่ก็คือ อาการของคนที่ถูกเฟอร์นิเจอร์ในบ้านของตนเองข่ม
แถมบุคลิกของตนเองจะถูกตัดทอนให้คลายความหนักแน่นลง และขาดความเชื่อมั่นในตัวเองในที่สุด
เมื่ออาจารย์สอบถาม ทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น จนถึงเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนามากที่สุด คือรายจ่ายมากกว่ารายรับ
เพราะลักษณะบ้านที่เกินกำลัง หมายถึง การทำอะไรเกินตัว ทำให้สภาวะเงินในบ้านมีแต่ไหลออก
และกินไปถึงสภาพกิจการของตนเองด้วย เรียกได้ว่าอยู่ในสภาวะที่กำลังจะไปไม่รอด
คุณประเสริฐได้พาอาจารย์ไปดูห้องทำงานส่วนตัว
ด้านหลังของโต๊ะทำงานที่ดูอลังการนั้น เป็นกระจกสีแกะลวดลายมังกรผงาดอยู่บนท้องฟ้า
ซึ่งคุณประเสริฐเล่าว่าเป็นมังกรห้าเล็บ และมีคนทักว่าเกินตัวเกินวาสนา ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆดังที่กล่าวมาแล้วหรือไม่
อาจารย์ตอบคุณประเสริฐไปว่า ถ้าหากว่าบ้านทั้งหลังของคุณประเสริฐมีมังกรห้าเล็บนี้อยู่เพียงตัวเดียวก็ไม่มีผลอะไร
เพราะปัจจุบัน เราอยู่ในประเทศไทย ภาพประดับอันงดงามที่แสดงถึงพลังอำนาจของตัวบุคคล
ก่อให้เกิดพลังฮึกเหิมในการทำงานเพียงอย่างเดียว มังกร หมายถึงอำนาจวาสนา หากว่าคุณประเสริฐไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ
นั่นคือเกินตัว แต่นี่เป็นเจ้าของกิจการ เป็นใหญ่ที่สุด คือเป็นมังกรได้ เราก็เอาไว้ได้
แต่ว่าความจริงที่ปรากฏ มันไม่ใช่อย่างนั้น ตั้งแต่หน้าบ้านมาตลอดทางที่เข้ามา มีมังกรโดยตลอด
เรียกได้ว่าเป็นดงมังกร ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ให้คุณประเสริฐลองนึกภาพที่ว่า
คุณประเสริฐกำลังนั่งในดงงูจงอาง แถมเอางูจงอางยักษ์มาแยกเขี้ยวอยู่ข้างหลัง ความรู้สึกของคุณประเสริฐจะเป็นอย่างไร
คุณประเสริฐก็เข้าใจได้ทันที
สิ่งที่อาจารย์แนะนำคุณประเสริฐต่อไปก็คือ จัดบ้านได้อ่อนโยนลง
เมื่อเข้าบ้านมา ต้องรู้สึกว่าตัวคุณประเสริฐเป็นมังกร สำคัญที่สุด และเด่นที่สุด เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเดิม
ความยากของคุณประเสริฐอยู่ที่จะทิ้งมังกรตัวไหน
เพราะมันเต็มบ้านเต็มหมด แม้กระทั่งกระจกหน้าต่าง และจะเอาไปไว้ที่ไหน อาจารย์จึงแนะนำว่าให้บริจาคเข้าศาลเจ้าที่กำลังสร้าง บริจาคเป็นประตูหน้าต่างไปเลย
นอกจากเอามังกรไปไว้ที่ดี เป็นการสร้างฐาน และคติที่ว่า เอามังกรสัตว์เทพนิยายที่เป็นของสูงไปไว้ในที่ดี
ตัวเราก็จะได้ดี ทั้งเป็นการสร้างวิหารทาน เพราะคติของมหายานหรือเถรวาทก็เป็นคติเดียวกัน
คือวิหารทานเป็นบุญอันสูงสุด และแนะว่าให้เหลือมังกรห้าเล็บไว้ตัวเดียวในห้องทำงาน กับภรรยาที่มีโหงวเฮ้งเป็นลักษณะมังกร
หลังจากนั้นอีกหลายเดือนต่อมา คุณประเสริฐโทรมารายงานว่า
หลังจากที่ตัดสินใจได้เด็ดขาดจัดบ้านตามแนวที่อาจารย์สอน เขาก็เห็นผลทันที มีออร์เดอร์เข้า
ทำให้รายรับมากขึ้น สถานการณ์ที่เขาคิดว่าควบคุมไม่ได้ก็จัดการได้เรียบร้อย
หมายเหตุ เดิมในประเทศจีน จะถือว่า มังกร ๕ เล็บ สำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น เชื้อพระวงศ์ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ใช้มังกร ๔ เล็บ รองลงมาหรือเศรษฐี ใช้มังกร ๓ เล็บ
กรณีศึกษา : การต่อเติมบ้าน
ครอบครัวของอาจารย์สุภา เป็นครอบครัวที่ข้าพเจ้ารู้จักมานาน ลูกหลานเรียนเก่ง
ตัวอาจารย์สุภาและอาจารย์จีระสามี ก็เจริญในตำแหน่งหน้าที่การงาน
ต่อมาไม่นาน มีเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ดีเริ่มเกิดขึ้น
เริ่มด้วยลูกสาวคนโตมีอาการปวดหัวเป็นประจำ สายตาเริ่มสั้น ดูเผินๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดา ต่อมาลูกสาวคนเล็กเริ่มปวดหัวข้างเดียว อาจารย์สุภาหกล้มขาแพลง อาจารย์จีระถูกย้าย คุณพ่ออาจารย์จีระเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ธุรกิจเล็กๆของอาจารย์สุภาที่ให้คนดูแลถูกโกง พนักงานการเงินยักยอกเงินหนีไป
เริ่มด้วยลูกสาวคนโตมีอาการปวดหัวเป็นประจำ สายตาเริ่มสั้น ดูเผินๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดา ต่อมาลูกสาวคนเล็กเริ่มปวดหัวข้างเดียว อาจารย์สุภาหกล้มขาแพลง อาจารย์จีระถูกย้าย คุณพ่ออาจารย์จีระเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ธุรกิจเล็กๆของอาจารย์สุภาที่ให้คนดูแลถูกโกง พนักงานการเงินยักยอกเงินหนีไป
อาจารย์สุภาติดต่อข้าพเจ้าให้เช็คดวงชะตา ข้าพเจ้าตรวจดูแล้วเห็นว่ามีเคราะห์แน่นอน จึงไปตรวจเช็คทำเลที่บ้าน
ความที่อาจารย์สุภาอยากเปลี่ยนแปลงบ้านใหม่ให้สวยงาม เลยไปหาเฟื่องฟ้ามาปลูกตรงรอบๆห้องนอน ต่อเติมโรงรถออกไปเป็นห้องรับแขกเพื่อให้บ้านกว้างขึ้น ตัดต้นไม้ใหญ่ 2 ต้นหน้าบ้าน แล้วทำเป็นที่นั่งเล่น คือตัดต้นไม้ใหญ่ให้เหลือตอ
ความเปลี่ยนแปลงต่างๆอย่างนี้ ถ้าเรามองดูอย่างผิวเผิน เหมือนว่าเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีอะไรแปลก แต่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมใหม่ ความเคยชินในความดำรงอยู่ของสภาพแวดล้อมแบบเดิมๆ เปลี่ยนไป ความสมดุลกลมกลืนจากของเดิมที่ปรับเข้าหากันเรียบร้อยแล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลง บรรยากาศเปลี่ยนไป
โรงรถที่ต่อเติมทำให้ห้องเดิมที่แสนอบอุ่นดูมืด ไม่ค่อยมีใครอยากมานั่งเท่าไหร่ ห้องรับแขกที่ต่อเติมใหม่ดูแข็งๆ เพราะไม่กลมกลืนกับตัวบ้าน
เฟื่องฟ้าเป็นไม้มีหนามและเป็นไม้พิษด้วย ทำให้เด็กๆ ปวดศีรษะ นานไปเป็นไมเกรน ปวดศีรษะข้างเดียว ควรเอาออก แล้วใช้ต้นคุณนายตื่นสายแทน เด็กๆ จะได้รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อเห็นคุณนายตื่นสายอยู่ข้างๆ เป็นสัญลักษณ์ว่า ฉันไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนทุกวัน
วิธีแก้ด้านอื่นๆ ต้องพยายามปรับทุกอย่างให้มีสภาพเทียมของเดิม คือห้องที่มืดก็เจาะหน้าต่างเพิ่ม ให้แสงเข้าเหมือนเดิม ห้องรับแขกที่ต่อเติมใหม่ ให้มีทีวี เครื่องเสียง เป็นส่วนหนึ่งของบ้าน ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นโซฟาที่นุ่มนวล เพราะเราไม่ได้รับแขกตลอด ส่วนใหญ่ก็คนในบ้านไปนั่ง ก็ต้องจัดอย่างที่คนในบ้านชอบ
ให้ทำสวนหย่อมเล็กๆ และน้ำพุตรงต้นไม้ที่ตัดเหลือแต่ตอ แล้วไปทำที่นั่งรอบๆ ถ้าไปทำสวนหย่อม ความเด่นของตอไม้นั้นจะลดน้อยลง ไม่คาตาคาใจ ของสิ่งใดที่เตะตาหรือเด่นมาก มีผลต่อจิตใจคนเสมอ ทั้งของสวยงามและไม่สวยงาม เพราะฉะนั้น ทุกมุมในบ้านควรดูสบายตาสบายใจ
หลังจากปรับความสมดุลภายในบ้านเล็กๆ น้อยๆ ไม่นานนัก ครอบครัวนี้ก็กลับมาสงบเหมือนเดิม น่าประหลาดว่าอาจารย์จีระย้ายกลับมาอยู่ที่เดิมในปีต่อมา
ความที่อาจารย์สุภาอยากเปลี่ยนแปลงบ้านใหม่ให้สวยงาม เลยไปหาเฟื่องฟ้ามาปลูกตรงรอบๆห้องนอน ต่อเติมโรงรถออกไปเป็นห้องรับแขกเพื่อให้บ้านกว้างขึ้น ตัดต้นไม้ใหญ่ 2 ต้นหน้าบ้าน แล้วทำเป็นที่นั่งเล่น คือตัดต้นไม้ใหญ่ให้เหลือตอ
ความเปลี่ยนแปลงต่างๆอย่างนี้ ถ้าเรามองดูอย่างผิวเผิน เหมือนว่าเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีอะไรแปลก แต่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมใหม่ ความเคยชินในความดำรงอยู่ของสภาพแวดล้อมแบบเดิมๆ เปลี่ยนไป ความสมดุลกลมกลืนจากของเดิมที่ปรับเข้าหากันเรียบร้อยแล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลง บรรยากาศเปลี่ยนไป
โรงรถที่ต่อเติมทำให้ห้องเดิมที่แสนอบอุ่นดูมืด ไม่ค่อยมีใครอยากมานั่งเท่าไหร่ ห้องรับแขกที่ต่อเติมใหม่ดูแข็งๆ เพราะไม่กลมกลืนกับตัวบ้าน
เฟื่องฟ้าเป็นไม้มีหนามและเป็นไม้พิษด้วย ทำให้เด็กๆ ปวดศีรษะ นานไปเป็นไมเกรน ปวดศีรษะข้างเดียว ควรเอาออก แล้วใช้ต้นคุณนายตื่นสายแทน เด็กๆ จะได้รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อเห็นคุณนายตื่นสายอยู่ข้างๆ เป็นสัญลักษณ์ว่า ฉันไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนทุกวัน
วิธีแก้ด้านอื่นๆ ต้องพยายามปรับทุกอย่างให้มีสภาพเทียมของเดิม คือห้องที่มืดก็เจาะหน้าต่างเพิ่ม ให้แสงเข้าเหมือนเดิม ห้องรับแขกที่ต่อเติมใหม่ ให้มีทีวี เครื่องเสียง เป็นส่วนหนึ่งของบ้าน ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นโซฟาที่นุ่มนวล เพราะเราไม่ได้รับแขกตลอด ส่วนใหญ่ก็คนในบ้านไปนั่ง ก็ต้องจัดอย่างที่คนในบ้านชอบ
ให้ทำสวนหย่อมเล็กๆ และน้ำพุตรงต้นไม้ที่ตัดเหลือแต่ตอ แล้วไปทำที่นั่งรอบๆ ถ้าไปทำสวนหย่อม ความเด่นของตอไม้นั้นจะลดน้อยลง ไม่คาตาคาใจ ของสิ่งใดที่เตะตาหรือเด่นมาก มีผลต่อจิตใจคนเสมอ ทั้งของสวยงามและไม่สวยงาม เพราะฉะนั้น ทุกมุมในบ้านควรดูสบายตาสบายใจ
หลังจากปรับความสมดุลภายในบ้านเล็กๆ น้อยๆ ไม่นานนัก ครอบครัวนี้ก็กลับมาสงบเหมือนเดิม น่าประหลาดว่าอาจารย์จีระย้ายกลับมาอยู่ที่เดิมในปีต่อมา
กรณีศึกษา - บ้านที่เป็นหยิน
หยาง เป็นสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์ พลังที่แข็งแกร่ง ความร้อน ความอบอุ่น การดำเนินชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพและมีชีวิตชีวา
หยิน เป็นสัญลักษณ์แทนโลก พระจันทร์ ความหนาวเย็น อ่อนนุ่ม ความไม่ดี ความเศร้าหมอง การดำรงชีวิตอย่างเฉื่อยชาเบื่อหน่าย สมมติในยามที่เรามีอารมณ์เศร้าหมอง อารมณ์อิจฉาริษยา อารมณ์ชั่วร้ายทั้งปวง อารมณ์ขณะนั้น เรียกได้ว่าเป็นหยิน สภาวะการสร้างสรรค์ก็ไม่มี
หยิน เป็นสัญลักษณ์แทนโลก พระจันทร์ ความหนาวเย็น อ่อนนุ่ม ความไม่ดี ความเศร้าหมอง การดำรงชีวิตอย่างเฉื่อยชาเบื่อหน่าย สมมติในยามที่เรามีอารมณ์เศร้าหมอง อารมณ์อิจฉาริษยา อารมณ์ชั่วร้ายทั้งปวง อารมณ์ขณะนั้น เรียกได้ว่าเป็นหยิน สภาวะการสร้างสรรค์ก็ไม่มี
บ้านของลูกศิษย์ท่านหนึ่ง เป็นลักษณะบ้านหยินโดยแท้ กล่าวคือ
เป็นบ้านไม้อายุประมาณ 30 - 50 ปี มีต้นไม้ใหญ่รกครึ้มปกคลุมบ้าน
ในบ้านมีไฟสลัวๆ
เมื่อ 20 ปีมาแล้ว บ้านหลังนี้คึกคัก ประกอบด้วย คุณพ่อ คุณแม่ และญาติพี่น้อง ซึ่งปัจจุบัน คุณพ่อ คุณแม่ เสียชีวิตหมดแล้ว ญาติพี่น้องก็แยกย้ายแต่งงานไปอยู่ที่อื่นหมด บ้านที่มีขนาดใหญ่ มีหลายห้อง ต้องถูกปิดตายเป็นบางส่วน เหลือส่วนที่คุณลูกศิษย์อาศัยอยู่และใช้สอยเป็นประจำ ได้แก่ บริเวณห้องพระ ห้องนอน ห้องรับแขก และห้องครัว ซึ่งลูกศิษย์ท่านนี้จัดไว้เป็นระเบียบมาก แต่ก็อยู่อย่างมืดๆ และเงียบๆ
แถมคุณลูกศิษย์ยังชอบสะสมของเก่าโบร่ำโบราณ ของแตกๆ หักๆ เพราะเธอชอบ ข้าพเจ้าสอบถามด้วยความเป็นห่วงว่า เคยรู้สึกเหงาๆ ซึมๆ หรือว่าหน้าที่การงานมีปัญหาหรือเปล่า การเงินหดหายบ้างไหม คำตอบคือ ไม่เลย มีความสุขดีมาก
เราลองมาวิเคราะห์ดูว่า ทำไมลูกศิษย์ท่านนี้ จึงเป็นข้อยกเว้นของทฤษฎีที่ว่า ยิ่งหยินแรงเท่าไหร่ ชีวิตจะตกต่ำเท่านั้น
ลูกศิษย์ท่านนี้ มีบ้านที่เป็นหยินร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พฤติกรรมของเธอกับเป็นหยางโดยสิ้นเชิง
ประการแรก ลูกศิษย์ท่านนี้ทำงานโรงแรม ฝ่ายการตลาด ต้องเดินทางตลอด ชีวิตอยู่กับการเคลื่อนไหวและติดต่อ ประสานงาน ซึ่งมีความหมายเป็นหยางเต็มตัว ไม่จำเจอยู่กับที่
ประการที่สอง บ้านคุณลูกศิษย์เป็นบ้านแบบโบราณ มีนาฬิกาที่ใช้ลูกตุ้มแกว่งและนาฬิกานกเขาขันคู แสดงความเป็นหยางในบ้าน คือเสียงและการเคลื่อนไหว ชายคาของบ้านมีกระดิ่งโบราณติด จะมีเสียงดังกรุ๋งกริ๋งเพราะโดนลมพัดเกือบตลอดทั้งวัน
ประการที่สาม ลูกศิษย์ท่านนี้ประกอบบุญกุศล ถือศีล ฟังธรรม ทำบุญ มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ รับอุปการะส่งเด็กนักเรียนเรียนหนังสือถึง 5 คน จิตใจอิ่มบุญ อารมณ์ผ่องใสอยู่เป็นนิตย์
เพียงแค่สามประการนี้ ส่งผลให้ตัวลูกศิษย์เป็นหยางโดยสมบูรณ์ จึงเกิดสภาวะสมดุลกลมกลืนกับบ้านซึ่งเป็นหยิน ทำเลนี้จึงไม่ต้องแก้ไข
เมื่อ 20 ปีมาแล้ว บ้านหลังนี้คึกคัก ประกอบด้วย คุณพ่อ คุณแม่ และญาติพี่น้อง ซึ่งปัจจุบัน คุณพ่อ คุณแม่ เสียชีวิตหมดแล้ว ญาติพี่น้องก็แยกย้ายแต่งงานไปอยู่ที่อื่นหมด บ้านที่มีขนาดใหญ่ มีหลายห้อง ต้องถูกปิดตายเป็นบางส่วน เหลือส่วนที่คุณลูกศิษย์อาศัยอยู่และใช้สอยเป็นประจำ ได้แก่ บริเวณห้องพระ ห้องนอน ห้องรับแขก และห้องครัว ซึ่งลูกศิษย์ท่านนี้จัดไว้เป็นระเบียบมาก แต่ก็อยู่อย่างมืดๆ และเงียบๆ
แถมคุณลูกศิษย์ยังชอบสะสมของเก่าโบร่ำโบราณ ของแตกๆ หักๆ เพราะเธอชอบ ข้าพเจ้าสอบถามด้วยความเป็นห่วงว่า เคยรู้สึกเหงาๆ ซึมๆ หรือว่าหน้าที่การงานมีปัญหาหรือเปล่า การเงินหดหายบ้างไหม คำตอบคือ ไม่เลย มีความสุขดีมาก
เราลองมาวิเคราะห์ดูว่า ทำไมลูกศิษย์ท่านนี้ จึงเป็นข้อยกเว้นของทฤษฎีที่ว่า ยิ่งหยินแรงเท่าไหร่ ชีวิตจะตกต่ำเท่านั้น
ลูกศิษย์ท่านนี้ มีบ้านที่เป็นหยินร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พฤติกรรมของเธอกับเป็นหยางโดยสิ้นเชิง
ประการแรก ลูกศิษย์ท่านนี้ทำงานโรงแรม ฝ่ายการตลาด ต้องเดินทางตลอด ชีวิตอยู่กับการเคลื่อนไหวและติดต่อ ประสานงาน ซึ่งมีความหมายเป็นหยางเต็มตัว ไม่จำเจอยู่กับที่
ประการที่สอง บ้านคุณลูกศิษย์เป็นบ้านแบบโบราณ มีนาฬิกาที่ใช้ลูกตุ้มแกว่งและนาฬิกานกเขาขันคู แสดงความเป็นหยางในบ้าน คือเสียงและการเคลื่อนไหว ชายคาของบ้านมีกระดิ่งโบราณติด จะมีเสียงดังกรุ๋งกริ๋งเพราะโดนลมพัดเกือบตลอดทั้งวัน
ประการที่สาม ลูกศิษย์ท่านนี้ประกอบบุญกุศล ถือศีล ฟังธรรม ทำบุญ มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ รับอุปการะส่งเด็กนักเรียนเรียนหนังสือถึง 5 คน จิตใจอิ่มบุญ อารมณ์ผ่องใสอยู่เป็นนิตย์
เพียงแค่สามประการนี้ ส่งผลให้ตัวลูกศิษย์เป็นหยางโดยสมบูรณ์ จึงเกิดสภาวะสมดุลกลมกลืนกับบ้านซึ่งเป็นหยิน ทำเลนี้จึงไม่ต้องแก้ไข
กรณีศึกษา : การแต่งบ้าน
การแต่งบ้านอย่างง่ายๆ
ควรรู้หลักพื้นฐานเบื้องต้นไว้บ้างจากตำราที่วางขายทั่วไป
และควรดูเหตุผลประกอบไปด้วย หรือใช้พื้นฐานของตรรกวิทยา
ความเป็นเหตุเป็นผลกัน
บ้านของคุณรัดเกล้า เป็นทาวน์เฮาส์ใหญ่ 4 ชั้น อยู่กัน 3 คนพ่อแม่ลูก คุณพ่อทำงานด้านส่งออก คุณรัดเกล้าเปิดสำนักงานบัญชี ที่ทำงานไม่ไกลกัน ทั้งสองคนเป็นคนทำงานเก่งด้วยกันทั้งคู่ ความเคร่งเครียดจากที่ทำงานเลยติดมาที่บ้านด้วย
บ้านของคุณรัดเกล้า เป็นทาวน์เฮาส์ใหญ่ 4 ชั้น อยู่กัน 3 คนพ่อแม่ลูก คุณพ่อทำงานด้านส่งออก คุณรัดเกล้าเปิดสำนักงานบัญชี ที่ทำงานไม่ไกลกัน ทั้งสองคนเป็นคนทำงานเก่งด้วยกันทั้งคู่ ความเคร่งเครียดจากที่ทำงานเลยติดมาที่บ้านด้วย
ลักษณะการจัดบ้านของคุณรัดเกล้าเหมือนที่ทำงาน เฟอร์นิเจอร์ดูหนัก ดอกไม้ไม่มี
ตุ๊กตาไม่วาง ห้องอาหารเหมือนห้องประชุมที่ทำงาน
ตู้โชว์มีรูปการปฎิวัติฝรั่งเศสและรูปปั้นที่แยกเขี้ยวเข้าใส่กัน
มีเขาสีดำเล็กๆวางอยู่ แจกันดอกไม้ที่วางอยู่เป็นดอกไม้จริงที่ทำให้แห้ง
คือดอกไม้ตาย
ข้าพเจ้าเข้าไปสัมผัสในบ้าน ใจห่อเหี่ยว รู้สึกหงุดหงิด เรียกว่าจะคุยกันก็ด้วยความเครียด เพราะบรรยากาศสภาพแวดล้อมเป็นอย่างนั้น แถมชุดรับแขกเป็นสีส้มออกชมพู สีของดาวอังคาร เทพเจ้าแห่งสงคราม ซึ่งข้าพเจ้าพอจะทราบได้ทันทีโดยไม่ต้องมีใครบอกว่า คุณรัดเกล้าติดต่อข้าพเจ้ามาด้วยเรื่องความขัดแย้งภายในบ้าน ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ พลอยทำให้หน้าที่การงานตก หมดจิตหมดใจที่จะสร้างสรรค์หรือทำงานต่อไป
ข้าพเจ้าขอให้คุณรัดเกล้าจัดบ้านใหม่ โดยเริ่มที่ห้องอาหาร ให้เพิ่มทีวี เครื่องเสียง ที่ใส่กระดาษทิชชูลายเป็นลูกไม้ก็ได้ ฝาผนังติดรูปดอกไม้ ผลไม้ อาหาร มีแจกันดอกไม้พลาสติกหรือดอกไม้ผ้าสีสด หรือจะเพิ่มผ้าปูโต๊ะก็ได้
สำหรับตู้โชว์ ให้เป็นของกระจุ๋มกระจิ๋ม คริสตัล ตุ๊กตา เครื่องเคลือบ หรือตุ๊กตาที่ดูเป็นครอบครัว ลูกเสือ ลูกหมาน่ารักๆ โซฟาควรใช้สีครีมมากกว่าสีชมพู คุณรัดเกล้ามีบุตรชายคนเดียว ของเล่นมีแต่ปืน(พลาสติก) มอเตอร์ไซค์ เครื่องเสียง จึงให้คุณรัดเกล้าซื้อตุ๊กตาผู้หญิงแต่งตัวอ่อนช้อยน่ารักๆ ตัวโตๆ มาวางในบ้าน
เมื่อจัดเสร็จแล้ว บ้านคุณรัดเกล้าดูอ่อนโยนลงจนเจ้าตัวรู้สึก แถมหน้าบ้านมีน้ำพุเล็กๆ คู่กับสวนดอกไม้สีขาว ดอกแก้ว โมก และบานบุรี
หลังจาก 2 สัปดาห์ผ่านไป คุณรัดเกล้าโทรมาคุยให้ฟังด้วยความขอบคุณว่า ครอบครัวเธอมีความสุข สงบ ไม่ค่อยทะเลาะกันอีกต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ด้วยวิธีการจัดบ้านอย่างง่ายๆ
โดยทั่วๆไปแล้ว การจัดบ้านควรให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อย่าซื้อของมามากจนเกินความจำเป็นจนไม่มีที่จะเก็บ ในที่สุดก็ดูรกไปหมด จนไม่มีที่จะยืน เดิน หรือนอน แม้แต่ใต้เตียงก็ยังมีที่กักตุน เพราะเป็นคนช่างซื้อช่างเก็บ อะไรก็ดูน่าซื้อ น่าหา น่าเก็บ ไปหมด แต่กลับเป็นผลร้ายในเรื่องของทำเล การซื้อของใช้ นอกจากดูกำลังเงินแล้ว ต้องดูขนาดของบ้านและที่เก็บของด้วย
เขาสัตว์ไม่ควรมีไว้ในบ้าน เพราะจะทำให้เด็กดื้อ มีอารมณ์ก้าวร้าว ของใช้ในบ้านโดยทั่วไป ผู้อยู่อาศัยจะเลือกตามที่ตนชอบ เห็นแล้วสบายตาสบายใจ ของใครของมัน ไม่ใช่สบายตาเราแต่ไม่อยู่ในรสนิยมของเจ้าของบ้าน อย่างนี้ก็ไม่ถูก
ข้าพเจ้าเข้าไปสัมผัสในบ้าน ใจห่อเหี่ยว รู้สึกหงุดหงิด เรียกว่าจะคุยกันก็ด้วยความเครียด เพราะบรรยากาศสภาพแวดล้อมเป็นอย่างนั้น แถมชุดรับแขกเป็นสีส้มออกชมพู สีของดาวอังคาร เทพเจ้าแห่งสงคราม ซึ่งข้าพเจ้าพอจะทราบได้ทันทีโดยไม่ต้องมีใครบอกว่า คุณรัดเกล้าติดต่อข้าพเจ้ามาด้วยเรื่องความขัดแย้งภายในบ้าน ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ พลอยทำให้หน้าที่การงานตก หมดจิตหมดใจที่จะสร้างสรรค์หรือทำงานต่อไป
ข้าพเจ้าขอให้คุณรัดเกล้าจัดบ้านใหม่ โดยเริ่มที่ห้องอาหาร ให้เพิ่มทีวี เครื่องเสียง ที่ใส่กระดาษทิชชูลายเป็นลูกไม้ก็ได้ ฝาผนังติดรูปดอกไม้ ผลไม้ อาหาร มีแจกันดอกไม้พลาสติกหรือดอกไม้ผ้าสีสด หรือจะเพิ่มผ้าปูโต๊ะก็ได้
สำหรับตู้โชว์ ให้เป็นของกระจุ๋มกระจิ๋ม คริสตัล ตุ๊กตา เครื่องเคลือบ หรือตุ๊กตาที่ดูเป็นครอบครัว ลูกเสือ ลูกหมาน่ารักๆ โซฟาควรใช้สีครีมมากกว่าสีชมพู คุณรัดเกล้ามีบุตรชายคนเดียว ของเล่นมีแต่ปืน(พลาสติก) มอเตอร์ไซค์ เครื่องเสียง จึงให้คุณรัดเกล้าซื้อตุ๊กตาผู้หญิงแต่งตัวอ่อนช้อยน่ารักๆ ตัวโตๆ มาวางในบ้าน
เมื่อจัดเสร็จแล้ว บ้านคุณรัดเกล้าดูอ่อนโยนลงจนเจ้าตัวรู้สึก แถมหน้าบ้านมีน้ำพุเล็กๆ คู่กับสวนดอกไม้สีขาว ดอกแก้ว โมก และบานบุรี
หลังจาก 2 สัปดาห์ผ่านไป คุณรัดเกล้าโทรมาคุยให้ฟังด้วยความขอบคุณว่า ครอบครัวเธอมีความสุข สงบ ไม่ค่อยทะเลาะกันอีกต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ด้วยวิธีการจัดบ้านอย่างง่ายๆ
โดยทั่วๆไปแล้ว การจัดบ้านควรให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อย่าซื้อของมามากจนเกินความจำเป็นจนไม่มีที่จะเก็บ ในที่สุดก็ดูรกไปหมด จนไม่มีที่จะยืน เดิน หรือนอน แม้แต่ใต้เตียงก็ยังมีที่กักตุน เพราะเป็นคนช่างซื้อช่างเก็บ อะไรก็ดูน่าซื้อ น่าหา น่าเก็บ ไปหมด แต่กลับเป็นผลร้ายในเรื่องของทำเล การซื้อของใช้ นอกจากดูกำลังเงินแล้ว ต้องดูขนาดของบ้านและที่เก็บของด้วย
เขาสัตว์ไม่ควรมีไว้ในบ้าน เพราะจะทำให้เด็กดื้อ มีอารมณ์ก้าวร้าว ของใช้ในบ้านโดยทั่วไป ผู้อยู่อาศัยจะเลือกตามที่ตนชอบ เห็นแล้วสบายตาสบายใจ ของใครของมัน ไม่ใช่สบายตาเราแต่ไม่อยู่ในรสนิยมของเจ้าของบ้าน อย่างนี้ก็ไม่ถูก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)