ห้องทำงานของผู้บริหารที่ควบคุมดูแลแต่ละแผนก จัดเป็นตำแหน่งสำคัญ ถือเป็น หัว หรือ มังกร ของหน่วยงานนั้นๆ จะได้รับผลก่อนทั้งทางดีและร้าย แต่ในการปรับทำเลห้องทำงานของอาจารย์แอน ไม่เพียงแต่จะปรับในห้องเท่านั้น อาจารย์ยังให้ความสำคัญกับพื้นที่ด้านนอกอีกด้วย
อาจารย์จะดูว่า เมื่อนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วมองเห็นอะไร
เพราะสิ่งที่มองเห็นอยู่ทุกวัน ย่อมส่งผลต่อผู้นั่งแน่นอน เช่น
ผนังด้านหน้าเป็นกระจก สามารถมองเห็นโต๊ะทำงานของพนักงานได้อย่างชัดเจน
ก็จะทำให้พนักงานตั้งอกตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี เนื่องจากอยู่ในสายตาของเจ้านาย
แล้วยังมีความหมายแฝงว่า ไม่ถูกปิดหูปิดตาอีกด้วย เป็นต้น
กรณีศึกษาวันนี้ เป็นห้องผู้บริหารท่านหนึ่ง ที่ด้านหน้ามองไปเห็นเป็นช่องทางเดิน 2 ช่อง ช่องแรกไปห้องน้ำ อีกช่องหนึ่งตรงไปยังประตูหนีไฟ ซึ่งช่องที่ไปยังประตูหนีไฟนี้พุ่งตรงมายังโต๊ะทำงานพอดี แถมตรงเสายังมีป้ายคำว่า ทางหนีไฟ ติดอยู่ด้วย เท่ากับว่า 2 ช่องนี้มีความหมายของธาตุน้ำกับไฟปะทะ ผู้บริหารท่านนี้ก็มีเรื่องเหล่านี้ให้ต้องพบเจอ ช่องหรือทางเดินแคบนั้นเสมือนกระแสที่ถูกบีบ พุ่งตรงไปยังโต๊ะทำงานนั้น เท่ากับนั่งรับกระแสของการถูกพุ่งชน แล้วยังเป็นกระแสความรีบร้อน ฉุกละหุก ฉุกเฉิน ของทางหนีไฟ ความหมายคือ จะเจอเรื่องร้อนที่มาอย่างกะทันหัน ฉุกละหุก ในหน้าที่รับผิดชอบของตน
แก้ด้วยการหามู่ลี่มาปิดบานประตูหนีไฟ
เวลามองไปจะดูเหมือนกับเป็นผนังห้องธรรมดาด้านหนึ่งเท่านั้น ป้ายหนีไฟ
ก็ให้ย้ายไปอยู่ในตำแหน่งไม่โดดเด่น มองไม่ชัด และให้อยู่ใต้คาน ใต้แอร์ เสมือนเป็นเชิงสัญลักษณ์ว่า
กดความรีบร้อน ฉุกละหุกเอาไว้
ตำแหน่งเดิมของป้ายหนีไฟ
ก็ติดนาฬิกาแทน เมื่อเป็นบริเวณที่พนักงานนั่งทำงานกัน ก็จะทำให้มีวินัย
ตรงต่อเวลากันมากขึ้น
นอกจากนี้
มู่ลี่ที่ติดอยู่ตรงกระจกหน้าห้องทำงานนั้นหากชำรุดต้องปรับเปลี่ยน เพราะด้านหน้าหมายถึงการคาดการณ์ได้ถูกต้องแม่นยำเหมือนอินทรีโฉบเหยี่อ
ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เล็กหรือใหญ่
อาจารย์แอนจะไม่ละเลยในรายละเอียดเล็กๆน้อย ๆดังเช่นห้องทำงานนี้
หากเปรียบกับการรบ เมื่อปรับภายในห้องให้ดีเสมือนเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งแล้ว
อาจารย์ก็จะดูว่า มีจุดอ่อนรอยรั่วด้านใดที่จะทำให้ป้อมค่ายนี้มีอันตราย
เสมือนสร้างแนวป้องกันทั้งภายในและภายนอกเลยทีเดียว