กรณีศึกษาครั้งนี้ เป็นบ้านที่ตั้งอยู่สุดซอย
คนที่มีบ้านอยู่สุดซอยอย่าเพิ่งตกใจนะคะ
ต้องมีองค์ประกอบอย่างอื่นจึงจะเป็นบ้านสมองฝ่อได้
ถนนที่ไปยังบ้านหลังนี้ ตัวถนนตีบ ลีบ เล็กลงไปเรื่อยๆ
จนท้ายที่สุดเหลือเพียงความกว้างที่รถผ่านไปได้เพียงคันเดียวเท่านั้น
วันที่อาจารย์แอนเดินทางไปนั้น
เราก็ได้สัมผัสความยากลำบากของการสัญจรในซอยนี้ด้วย เพราะมีรถสวนออกมาพอดี
ทำให้คณะของเราต้องถอยออกมา ให้รถคันดังกล่าวผ่านไปก่อน
เราถึงจะเข้าไปยังบ้านหลังนั้นได้ อาจารย์บอกว่า หากเปรียบถนนเป็นเส้นเลือด
ก็เท่ากับว่า เส้นเลือดที่ส่งไปหล่อเลี้ยงบ้านหลังนี้นั้น ตีบตัน นั่นเอง
เมื่อไปถึงบ้าน ก็พบประตูรั้วสูง
มีบ้านตั้งอยู่บนเนื้อที่กว้างขวางที่ปลูกไม้เลื้อย ต้นไทรมีรากห้อยระย้า
ต้นไทรที่ถึงขนาดมีรากไทรห้อยระย้าแบบนี้ จัดว่า
เป็นหยินอย่างที่สุดในทางฮวงจุ้ยนะคะ แถมเมื่องอกงามอยู่ในทิศใต้
ธาตุไฟที่ถือว่าเป็นหยางอีก ก็เท่ากับว่า บ้านหลังนี้หยินกำลังฆ่าหยาง
เจ้าของบ้านต่อเติมชั้นบน กั้นเป็นห้องนอนสำหรับตนและบุตรชาย
จนทำให้เป็นทางเดินแคบๆ ระหว่างห้องเหมือนทางเดินในหอพัก อีกทั้งภายในห้อง
มีการจัดแต่งพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เรียกว่า เมื่อเข้าบ้านมา
ก็อยากจะขลุกอยู่ในห้องนั้น เมื่อต่างคนต่างอยู่ในห้องของตน
ส่งผลให้ความสัมพันธ์ของคนในบ้านห่างเหิน ไม่ค่อยพูดกัน พูดแล้วไม่ฟังกัน
ในชั้นนี้ มีห้องสำคัญอยู่ห้องหนึ่ง เดิมเป็นห้องหนังสือ
ทำการบ้านของลูกๆ อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งถือว่าเป็นทิศของสมอง
ความจำ และเป็นตำแหน่งของพ่อ
เมื่อต่อเติมห้องนอนใหม่จนสามารถทำทุกอย่างในห้องนอนของตนได้แล้ว
ห้องทำงานนั้นก็ไม่ได้ใช้งานอีกต่อไป กลับกลายเป็นห้องเก็บของแทน
อีกทั้งเมื่อเปิดประตูก็จะพบว่า หลังห้องทำงานนี้ยังมีห้องกว้างอีก 1
ห้องที่กว้างขวาง เก็บข้าวของที่ไม่ใช้แล้วไว้
แถมมีห้องน้ำที่ร้างการใช้งานอีก 1 ห้อง นั่นเท่ากับว่า
ตำแหน่งนี้เดิมเป็นห้องกว้างใหญ่ ก็กลับเป็น 2 ห้อง
โดยใช้งานห้องทำงานที่เล็กกว่า เสมือนสมองที่เริ่มตีบหรือฝ่อลง
ในตอนที่ลูกๆยังใช้งานอยู่ ก็ยังไม่เป็นไร แต่เมื่อร้าง
กลายเป็นห้องเก็บของ พื้นที่ก็ค่อยตายไป เหมือนสมองที่ขาดการใช้งาน
ย่อมลีบฝ่อลงเป็นลำดับ ส่งผลต่อความจำของคนภายในบ้าน ได้หน้าลืมหลัง
มีอาการซึมเศร้า
เนื่องจากพื้นที่ที่ค่อยๆตายนี้ จัดว่าเป็นตำแหน่งหยางอย่างที่สุด
เพราะตรงกับตำแหน่งพ่อ เมื่อหยางมีปัญหา
ก็มีผลถึงอวัยวะที่จัดว่าเป็นหยางภายในร่างกายคนด้วยเช่นกัน นั่นคือ ขา
ปวดแข้งขา หกล้มบ่อย
ห้องที่เปรียบกับสมองเมื่อรวมกับเส้นทางถนนที่ตีบเล็กลงมาเรื่อยๆ
กับทางเดินแคบๆเชื่อมระหว่างห้อง
ก็เสมือนเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงสมองได้ไม่ทั่วถึงนั่นเอง
บ้านหลังนี้เลยกลายเป็นบ้านสมองฝ่อโดยสมบูรณ์
ทางแก้ก็เพียงแต่
- หากระจกนูนมาติดตรงหน้าประตูรั้ว
ให้สะท้อนให้เห็นทั้งประตูบ้านและรถที่เข้าออก
เท่านี้บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้อยู่ในซอยตันในเชิงสัญลักษณ์แล้ว
- เอารากไทรย้อยที่คุกคามหยางออกไป รวมถึงความรกเรื้อของไม้เลื้อยที่จะส่งเสริมให้หยินแรงออกไปด้วย
- ใช้งานห้องที่อยู่ในตำแหน่งสมอง ให้เป็นห้องรวมกันของครอบครัว
เพราะพื้นที่กว้างขวางพอที่จะทำเป็นห้องพักผ่อน ดูโทรทัศน์ ฟังเพลง ทานข้าว
เมื่อห้องถูกปรับให้กว้าง ก็เสมือนปรับเคลียร์สมองให้โปร่ง โล่ง
ทุกอย่างก็ไหลเวียนสะดวก ไม่ตีบตัน หรือ ฝ่อ ในทางสุขภาพก็จะค่อยๆ ดีขึ้น
ในทางจิตใจที่อึมครึม เศร้าซึม กดดัน ด้วยบรรยากาศก็จะค่อยๆ หายไป
การลงบทความวิชาฮวงจุ้ยขั้นพื้นฐานในบล็อกนี้
เพื่อการเผยแพร่วิชาเพียงอย่างเดียว ผู้ที่มีคำถาม สามารถขอ add เข้า"กลุ่ม
ฮวงจุ้ย โหราศาสตร์..แนะแนว" เพื่อเข้าไปสอบถามจากอาจารย์แอน
ได้โดยตรงครับ ..../ admi
https://www.facebook.com/groups/1640642156166986/